วันที่ 18 มี.ค. 68 นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี (น.ส.แพทองธาร ชินวัตร) กล่าวถึงญัตติการขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจตามมาตรา 151 เพื่ออภิปราย น.ส.แพทองธาร ว่า แม้ล่าสุดพรรคร่วมฝ่ายค้าน จะได้ปรับแก้ไขญัตติที่ยื่นต่อนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎรในครั้งแรก โดยตัดชื่อนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกจากญัตติ โดยใช้คำว่าบุคคลในครอบครัวแทน ว่า ภายหลังตรวจสอบญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้ว ถือว่าถูกต้องตามข้อบังคับ ซึ่งชัดเจนว่าพรรคฝ่ายค้านต้องการที่จะอภิปรายเพื่อโจมตี ดร.ทักษิณ บิดาของนายกรัฐมนตรีและครอบครัวให้จงได้ เป็นการพยายามกระทำการที่อาจจะก่อให้เกิดการกระทำที่ผิดกฎขอบังคับของการประชุมสภาผู้แทนราษฎร และผิดกฎหมายอาญาตามมา
นายสงคราม กล่าวด้วยว่า แม้จะมีการบรรจุเข้าสู่วาระการประชุมสภาแล้วก็ตาม แต่การอภิปรายในสภา กำหนดให้สมาชิกสภาพูดกับประธานสภาและคนที่ท่านกำลังอภิปรายเท่านั้น ไม่ได้ให้อภิปรายถึงบุคคลภายนอกที่ไม่มีโอกาสชี้แจงในที่ประชุมสภา ดังนั้นหากมีการเอ่ยถึงบุคคลอื่นในครอบครัวของนายกรัฐมนตรีให้ได้รับความเสียหาย ผู้อภิปรายก็ต้องยอมรับผลของการกระทำของตนเองที่อาจจะมีดำเนินคดีตามกฎหมายตามมา เพราะหากมีการดำเนินคดีจากคนนอก ไม่สามารถใช้เอกสิทธิ์คุ้มครองได้
“ส่วนกรณีที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่เตรียมจะอภิปราย น.ส.แพทองธาร ในประเด็นที่เกี่ยวกับที่ดินในสนามกอล์ฟอัลไพน์ รวมทั้งประเด็นเอ็มโอยู 44 เพราะสมัยเป็นรองนายกฯ ในรัฐบาลที่แล้ว พล.อ.ประวิตร เป็นผู้รับผิดชอบโดยตรง หากจะหยิบยกมาอภิปราย ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เชื่อว่า น.ส.แพทองธาร ชี้แจงได้ เพราะเป็นประเด็นที่มีการชี้แจงผ่านสื่อสารธารณะกันไปแล้วในหลายวาระ หาก พล.อ.ประวิตร จะขุดของเก่ามาอภิปราย ก็เป็นสิทธิของท่าน แต่ที่ผ่านมาสมัยที่ พล.อ.ประวิตร เรืองอำนาจ หากมีใครไปถามท่านในประเด็นเดียวกัน ท่านจะตอบว่าแต่เพียงว่า “ไม่รู้ ไม่รู้” อย่างเดียว การอภิปรายครั้งนี้ หากถามว่าสมัยท่านทำอะไรบ้าง ท่านอย่าตอบว่าไม่รู้ก็แล้วกัน รวมทั้งเป็นโอกาสดีที่ พล.อ.ประวิตร จะมีโอกาสพูดในสภานานกว่า 20 วินาที ไม่เหมือนในอดีตที่ผ่านมา” นายสงคราม กล่าว