เมื่อวันที่ 18 มี.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุม ครม. มีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. (การกระทำความผิดต่อเด็กผ่านสื่อออนไลน์) ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ทั้งนี้ สืบเนื่องจากกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบันยังไม่ครอบคลุมกับสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นจากการใช้เทคโนโลยีด้านการสื่อสารและคอมพิวเตอร์ในสื่อออนไลน์ ซึ่งมีการพัฒนาอย่างรวดเร็วและยังไม่สามารถดำเนินการคุ้มครองสิทธิเด็กและเยาวชนจากการตกเป็นเหยื่อของการกระทำความผิดต่อเด็กและเยาวชนผ่านทางสื่อออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งมีการนำเทคโนโลยีไปใช้ในการกระทำความผิด โดยเฉพาะการกระทำความผิดต่อเด็กและเยาวชนซึ่งเป็นกลุ่มที่สามารถถูกล่อลวงและตกเป็นเหยื่อของผู้กระทำความผิดได้โดยง่าย อีกทั้งการกระทำความผิดโดยอาศัยเทคโนโลยีดิจิทัล ยังกระทำได้อย่างไร้พรมแดนและยากที่จะควบคุม

น.ส.ศศิกานต์ กล่าวอีกว่า สำหรับสาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ. นี้ เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมความผิดเกี่ยวกับเพศและความผิดต่อเสรีภาพ โดยเพิ่มเติมฐานความผิดในประมวลอาญาไว้ 5 ประเภท ดังนี้ 1.เป็นการล่อลวงเด็กเพื่อวัตถุประสงค์ทางเพศต้องระวังจำคุกไม่เกิน 3 ปีหรือปรับ 60,000 บาท หรือทั้งจำปรับ ซึ่งหากเป็นการกระทำผ่านอุปกรณ์โทรคมนาคมหรือระบบคอมพิวเตอร์ ก็จะเพิ่มโทษแก่ผู้กระทำผิดขึ้นอีกหนึ่งใน 3 ของที่กฎหมายกำหนด 2.การพูดคุยเรื่องที่ไม่เหมาะสมแก่เด็กและเยาวชน เพื่อการอนาจารหรือเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ทางเพศ ไม่ว่าจะด้วยการแสดงออกทางวาจา ลายลักษณ์อักษร ภาพ เสียง หรือด้วยการวิธีการอื่นใด ต้องระวังโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี และปรับไม่เกิน 40,000 บาท แต่ว่าหากกระทำแก่อายุไม่ถึง 15 ก็ต้องระวังโทษหนักขึ้น จำคุกไม่เกิน 3 ปี และปรับไม่เกิน 60,000 บาท แต่หากเป็นการกระทำผ่านอุปกรณ์โทรคมนาคมหรือระบบคอมพิวเตอร์ ก็จะเพิ่มโทษแก่ผู้กระทำผิดขึ้นอีกหนึ่งในสามของที่กฎหมายกำหนด

น.ส.ศศิกานต์ กล่าวว่า 3. การแบล็กเมล์ทางเพศ เช่น การขู่ว่าจะเผยแพร่หรือส่งต่อข้อความ ภาพ หรือเสียงที่บันทึกเพื่อการอนาจารหรือแสวงหาผลประโยชน์ทางเพศ เช่น การแอบถ่าย ต้องระวังโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท 4. การติดตามคุกคามไม่ว่าด้วยทางตรงหรือทางอ้อม โดยทำให้ผู้ถูกติดตามหวาดกลัวหรือเดือดร้อน ต้องระวังโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่หากเป็นการกระทำผ่านอุปกรณ์โทรคมนาคมหรือระบบคอมพิวเตอร์ ก็จะเพิ่มโทษแก่ผู้กระทำผิดขึ้นเป็นจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือว่าทั้งจำทั้งปรับ 5. การกลั่นแกล้งออนไลน์หรือว่าไซเบอร์บูลลี่ อาทิ การแกล้งการรังแกข่มเหง หรือกระทำการใดๆ ผ่านอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่ทำให้ได้รับความอับอาย หรือผลกระทบทางกายกระทบทางจิตใจ และเป็นอันตรายต่อสุขภาพ เสรีภาพ ชื่อเสียง ทรัพย์สิน หรือสิทธิอย่างใดอย่างหนึ่ง ก็ต้องระวังโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำปรับ