สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงแบกแดด ประเทศอิรัก เมื่อวันที่ 7 พ.ย. ว่า จากกรณีอากาศยานไร้คนขับแบบติดอาวุธ มุ่งหน้ามายังบ้านพักของนายรัฐมนตรีมุสตาฟา อัล-คาดิมี ซึ่งตั้งอยู่ในกรีนโซน ซึ่งเป็นพื้นที่ความมั่นคงสูง ในกรุงแบกแดด เมื่อช่วงรุ่งสางของวันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่น “เพื่อพยายามลอบสังหาร” ผู้นำอิรัก แต่ฝ่ายความมั่นคงยืนยันว่า “ไม่ประสบความสำเร็จ” นั้น


ต่อมาคาดิมี แถลงว่า เขาและครอบครัวปลอดภัยดี ไม่มีใครได้รับอันตราย และขอให้ประชาชนอย่าแตกตื่นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐออกแถลงการณ์ประณามเหตุการณ์ครั้งนี้ ที่หลังจากนั้นมีการยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างชัดเจน ทั้งภายในและภายนอกกรีนโซน


จนถึงขณะนี้ ยังคงไม่มีบุคคลกลุ่มใดออกมาแสดงตัว ว่ามีความเกี่ยวข้องกับความพยายามลอบสังหารคาดิมี อดีตผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ วัย 54 ปี ซึ่งขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของอิรัก เมื่อเดือน พ.ค.ปีที่แล้ว ท่ามกลางการจับตาและเสียงวิจารณ์ของบรรดากองกำลังติดอาวุธในอิรัก ว่า คาดิมี “มีความใกล้ชิด” กับรัฐบาลวอชิงตัน แม้ผู้นำอิรักพยายามแสดงท่าทีประนีประนอมกับทุกฝ่าย และรับหน้าที่เป็นคนกลางในการเจรจาคลี่คลายความขัดแย้งระหว่างซาอุดีอาระเบียกับอิหร่านมาแล้วหลายครั้ง

สภาพความเสียหายของเต๊นท์ผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาล ในเขตรอบนอกกรีนโซน หลังการปะทะกันอย่างดุเดือด ระหว่างตำรวจควบคุมฝูงชน กับมวลชนฝ่ายสนับสนุนกองกำลังชีอะห์


อนึ่ง อิรักจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 10 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งผลปรากฏว่า พันธมิตรฟาตาห์ ที่เป็นฝ่ายการเมืองของเครือข่ายฮาเช็ด อัล-ชาบี ที่นิยมอิหร่าน “พ่ายแพ้ยับเยิน” สร้างความไม่พอใจอย่างหนักให้กับฝ่ายสนับสนุน ที่กล่าวหาการเลือกตั้งครั้งนี้ “มีการทุจริต”


ส่วนผู้ชนะการเลือกตั้งครั้งนี้ ยังคงเป็นพันธมิตรนักปฏิวัติเพื่อการปฏิรูป หรือ “ไซรูน” ที่เป็นการรวมตัวระหว่างพรรคประชานิยมฝ่ายขวากับพรรคคอมมิวนิสต์ ภายใต้การนำของนายมุกตาดา อัล-ซาดร์ นักการศาสนาชื่อดัง และมีจุดยืนต่อต้านตะวันตก.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES