เมื่อเวลา 09.40 น. วันที่ 21 มี.ค. 68 ที่รัฐสภา พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงการเดินทางไปเยี่ยมเยือนชาวอุยกูร์ ที่ส่งกลับมณฑลซินเจียง โดยยืนยันว่า การตัดสินใจ ส่งชาวอุยกูร์กลับประเทศ ได้ยึดหลักความถูกต้องตามกฎหมายไทย และหลักสิทธิมนุษยชนที่สำคัญ ซึ่งเราได้นำ พ.ร.บ.ป้องกันการปราบปรามการซ้อมทรมาน หรือการบังคับบุคคลสูญหาย มาพิจารณาร่วมด้วย ทั้งนี้ การเดินทางไปของคณะ ก็ถือเป็นการเยี่ยมเยือน แต่ในบทบาทของ รมว.ยุติธรรม ดู พ.ร.บ.อุ้มหาย เราก็ต้องไป เพราะมีคนสงสัยว่าถ้าส่งกลับไปเป็นการทรมานหรือไม่ เราจึงต้องไปดู แต่เนื่องจากมณฑลซินเจียง ชาวอุยกูร์ อยู่ในหลายเมืองเฉลี่ยกันไป และการเดินทางต้องใช้เวลา ดังนั้นคณะจึงไปดูเท่าที่ดูได้ ซึ่งสิ่งที่เห็นคือทางรัฐบาลจีนยืนยันว่า เราอยากดูที่ไหนก็ให้ไปดู ซึ่งไม่พบการถูกบังคับ และสิ่งที่คณะและสื่อมวลชนได้เห็น ก็เพราะเขาเปิดกว้าง และให้เราถามอย่างเสรี ทางจีนเพียงจัดล่ามภาษาอุยกูร์และภาษาจีนให้กับเราเท่านั้น จึงยืนยันว่าเราทำถูกตามหลักกฎหมายไทยและหลักสิทธิมนุษยชน

เมื่อถามว่า​ ไปเจอเพียงบางคน​ จะสามารถตอบว่าทุกคนที่ถูกส่งกลับไปปลอดภัยได้หรือไม่​ พ.ต.อ.​ทวี กล่าวว่า​ เขาเป็นประเทศอธิปไตย และเปิดโอกาสให้เราได้เข้าไปเยี่ยมเยือน ไปตรวจสอบ และก็รับปากว่าหลังจากนี้จะให้ รมว.การต่างประเทศ และคณะ เข้าไปดู และประเทศจีนเป็นประเทศที่อยู่ในสหประชาชาติ เมื่อเขารับรอง ก็เป็นส่วนที่สามารถเชื่อมั่นได้​

เมื่อถามย้ำว่า บางคนยังกังขาในเรื่องนี้ จะชี้แจงอย่างไร พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า เราคงชี้แจงให้เห็นว่า เราทำไปตามหลักสิทธิมนุษยชน แล้วตนก็ได้ถามกับตำรวจ​ก่อนจะส่ง เขาก็เซ็นสมัครใจไปทุกคน อันนี้ก็ครบทุกประเด็นแล้ว เราอยากจะฝากทุกคนว่าเราอาจจะมีความขัดแย้ง แต่ในรัฐธรรมนูญ สส. สว. ต้องเป็นตัวแทนของประชาชน แล้วคิดถึงประโยชน์ส่วนรวมของประเทศ บางครั้งการนำเรื่องความขัดแย้งระหว่างประเทศ โดยตัวเองอาจจะมีความเชื่อแบบหนึ่ง​ ก็พูดได้ แต่อยากให้ตรวจสอบความเป็นจริง ซึ่งเท่าที่เราไปดู ทุกคนก็ยิ้มแย้ม ที่สำคัญคือ คนที่เป็นพ่อเป็นแม่ ทุกคนพยายามจะโผเข้ากอดตน​ ที่เอาลูกเขามาคืน ส่วนลูกก็ดีใจ และมีคนหนึ่งที่มีลูก ลูกเขาโตแล้ว เขาก็ดีใจที่พ่อเขากลับมา และเราก็ได้ยืนยันแค่ว่าเราเคารพสิทธิ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ อันนี้ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ที่สุด

เมื่อถามว่า ภายหลังจากที่ถูกโจมตีในเรื่องนี้ และเมื่อได้ไปดูสถานที่จริง ทำให้เกิดความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นหรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า อยากให้แยกให้ออก ทั้ง อียูและสหรัฐ ในเรื่องการค้า เป็นสิ่งที่รัฐบาลจะต้องทำความเข้าใจ เราคงเอามาเทียบกับความยิ่งใหญ่ของความยุติธรรมไม่ได้ ความยุติธรรมไม่ว่าคนตัวเล็กตัวน้อย หรือศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เราต้องให้คุณค่า  

รมว.ยุติธรรม กล่าวด้วยว่า ส่วนเรื่องที่บางประเทศไม่เข้าใจนั้น ทางกระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะเป็นผู้ชี้แจง แต่ในส่วนของกระทรวงยุติธรรมยืนยันว่า เราได้ทำตามกฎหมาย และเห็นว่ามนุษย์ทุกคนมีคุณค่า มีความสำคัญ มีศักดิ์ศรี วันนี้เหมือนให้เขาไปมีชีวิตใหม่ หลังจากที่เขาอยู่ในห้องกักขังในประเทศไทยมา 11 ปี และในห้องมีพันกว่าคน จึงไม่อยากให้คำว่าสิทธิมนุษยชนหายไป แต่เอาความสะใจหรือสร้างความเกลียดชังมาพูด ซึ่งเป็นสิ่งไม่ดี เพราะรัฐบาลไทยนึกถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ประโยชน์ของประเทศชาติและประโยชน์ของส่วนรวม

เมื่อถามถึง กรณีที่นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม ตั้งข้อสังเกตเรื่องภาพผู้หญิงชาวอุยกูร์ ซึ่งเป็นชาวมุสลิมมาโผกอดผู้ชายได้อย่างไร พ.ต.อ.ทวี ย้อนถามว่า “คุณกัณวีร์ เป็นมุสลิมหรือเปล่า” เพราะที่เราไปเห็นมัสยิดอิหม่าม อายุกว่า 500 ปี และมุสลิมในจีนส่วนใหญ่สวมฮิญาบกันน้อย ซึ่งการที่เขามาโผกอดเหมือนผู้ใหญ่ ผู้น้อย ไม่มีอะไรต้องสงสัย ต้องถามสื่อที่ไปดีกว่า และแต่ละพื้นที่ก็มีอัตลักษณ์ของเขา อย่างประเทศไทย มุสลิมช่วงหลังๆ ก็คลุมฮิญาบ และบางประเทศที่เป็นประเทศมุสลิม ก็ไม่ได้คลุมฮิญาบ ส่วนการที่เข้ามาสวมกอดผู้ชายนั้น เราก็ป้องกันเต็มที่แล้ว แต่เขาต้องการเข้ามาแสดงความรู้สึกและร้องไห้.