จากกรณี นายมงคล ไชยภักดี หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน สั่งการให้นายนาวิน จุลกะรัตน์ ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ดำเนินการเรียกไกด์นำเที่ยว กรณีมีการเผยแพร่คลิปวิดีโอในเฟซบุ๊กไกด์รายนี้ เป็นภาพขณะกลุ่มช่างภาพ 4 คน เดินเรียงแถวหน้ากระดาน ตามถ่ายภาพเสือดำ สัตว์ป่าคุ้มครอง บริเวณถนนทางลงจากเขาพะเนินทุ่ง มุ่งหน้าบ้านกร่างแคมป์ อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน มาดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.อุทยานฯ เนื่องจากถือเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งอุทยานฯ ที่เข้มงวดด้านความปลอดภัยนักท่องเที่ยวและสัตว์ป่า โดยเบื้องต้นไกด์นำเที่ยวให้การอ้างว่าไร้เจตนา ทำให้มีการว่ากล่าวตักเตือนไปนั้น

อย่าหาทำ! หัวหน้าอุทยานฯแก่งกระจาน เอาจริงสั่งจับฝ่าฝืนลงจากรถตามถ่ายเสือดำ

ล่าสุด เมื่อวันที่ 21 มี.ค. 68 นายมงคล ไชยภักดี หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เปิดเผยเพิ่มเติมว่า จากกรณีดังกล่าว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อุทยานฯ ได้พบหลักฐานการกระทำผิดใหม่ จากการมีผู้ร้องเรียนผ่านเพจอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ส่งภาพและคลิปในมุมของรถคันอื่น ปรากฎภาพของผู้ประกอบการนำเที่ยวรายนี้ เป็นคนชักชวนและพานักถ่ายภาพที่มากับรถนำเที่ยวของตนลงจากรถเพื่อให้ถ่ายภาพเสือดำในมุมที่ใกล้ที่สุด อีกทั้งไปชักชวนนักท่องเที่ยวที่อยู่ในรถคันอื่นให้ลงจากรถมาถ่ายภาพเสือดำด้วย และการสอบสวนยังพบว่า ในครั้งแรกผู้ประกอบการรายนี้มีการให้คำชี้แจงไม่ตรงกับความเป็นจริง เป็นต้นเหตุให้มีภาพการท่องเที่ยวป่าที่ไม่เหมาะสม จนอาจเป็นอันตรายต่อนักท่องเที่ยวและสัตว์ป่า ตามที่ปรากฏในสื่อโซเชียล ดังนั้นเมื่อหลักฐานปรากฏชัดเจน ขัดกับที่เจ้าตัวให้การในตอนแรก ทำให้เมื่อพิจารณาแล้ว จึงมีความเห็นให้สั่งปรับ พินัยในความผิดฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าหน้าที่ (มาตรา 20) เป็นจำนวน 5,000 บาท และไม่อำนวยความสะดวกต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ในการสอบสวน (36(1)) อีกหนึ่งข้อหา ปรับพินัยเพิ่มเติม เป็นจำนวน 1,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 6,000 บาท

ทั้งนี้ การกระทำผิดในลักษณะดังกล่าว มีอัตราโทษปรับครั้งแรก 5,000 บาท ครั้งที่ 2 มีโทษปรับ 20,000 บาท และครั้งที่ 3 มีโทษปรับเต็มอัตรา 100,000 บาท พร้อมสั่งยกเลิกใบอนุญาตประกอบกิจการรถนำเที่ยวในอุทยาน ต่อไปด้วย

นายมงคล เปิดเผยด้วยว่า กรณีนี้ถือเป็นบทเรียน และให้เป็นเคสตัวอย่าง ยืนยันว่าทางอุทยานฯ จับปรับจริง ดังนั้นการถ่ายภาพสัตว์ป่าในเส้นทางห้ามนักท่องเที่ยวลงจากรถ และขอความร่วมมือนักท่องเที่ยวที่พบเห็นสัตว์ป่า ให้รักษาระยะห่างที่ปลอดภัย ไม่ส่งเสียงดังรบกวน ไม่ควรใช้แฟลช เพื่อความปลอดภัยของทั้งนักท่องเที่ยวและสัตว์ป่า ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวมีโอกาสได้พบเห็นสัตว์ป่าหายากเช่นนี้ในอนาคต.