สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองเคปทาวน์ ประเทศแอฟริกาใต้ เมื่อวันที่ 23 มี.ค. ว่านายอิบราฮิม ราซูล เอกอัครราชทูตแอฟริกาใต้ เดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติในเมืองเคปทาวน์ เมื่อวันอาทิตย์ โดยกล่าวว่า การเดินทางกลับครั้งนี้ “ไม่ใช่สิ่งที่ต้องการ” อย่างไรก็ตาม ราซูลยืนยันว่า “ไม่เสียใจ” ที่ต้องเดินทางกลับ


ทั้งนี้ นายมาร์โก รูบิโอ รมว.การต่างประเทศสหรัฐ กล่าวเมื่อช่วงกลางเดือนนี้ ว่าราซูล มีสถานะเป็นบุคคลไม่พึงปรารถนา และรัฐบาลวอชิงตันไม่มีความจำเป็นต้องหารือกับบุคคลดังกล่าวอีกต่อไป พร้อมทั้งประณามว่า เอกอัครราชทูตเป็นบุคคลที่ “เล่นกับประเด็นทางเชื้อชาติเพื่อหวังผลทางการเมือง” และ “มีความเกลียดชังต่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ”


แม้ในเวลานั้น รูบิโอไม่ได้ใช้คำว่า “เนรเทศ” อย่างเป็นทางการ แต่แถลงการณ์ของรัฐบาลวอชิงตันสื่อความหมายไปในทางนั้นโดยปริยาย ซึ่งเป็นกรณีที่เกิดขึ้นแทบไม่บ่อยครั้งนัก กับการที่สหรัฐจะเนรเทศเอกอัครราชทูตของประเทศใดประเทศหนึ่ง


อนึ่ง ราซูลมอบอักษรสาส์นตราตั้งให้แก่สหรัฐเมื่อวันที่ 13 ม.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นสัปดาห์สุดท้ายของรัฐบาลวอชิงตันในยุคประธานาธิบดีโจ ไบเดน และเป็นครั้งที่สองแล้ว ซึ่งราซูลได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตประจำสหรัฐ


ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับแอฟริกาใต้ตึงเครียดอย่างหนัก เมื่อทรัมป์เข้ารับตำแหน่งสมัยที่สอง เมื่อวันที่ 20 ม.ค. ที่ผ่านมา โดยมีการตัดงบประมาณสนับสนุนแอฟริกาใต้ เพื่อแสดงความไม่พอใจที่มีการออกกฎหมายที่ดินโดยไม่มอบเงินชดเชยให้กับชาวผิวขาว ถือเป็นการเลือกปฏิบัติ และการที่แอฟริกาใต้ฟ้องอิสราเอลต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ไอซีเจ) หรือศาลโลก ในคดีฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์.

เครดิตภาพ : AFP