เมื่อเวลา 11.10 น. วันที่ 24 มี.ค. ที่รัฐสภา นายสุทิน คลังแสง สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการอภิปรายของฝ่ายค้านในช่วงครึ่งวันแรก ว่า จากที่ได้ฟังผู้นำฝ่ายค้าน และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ อภิปราย ไม่ต่างจากที่ตนคาดหมายเท่าไหร่ เป็นนามธรรม เป็นการกล่าวหาลอยๆ มากกว่า ขาดตัวบ่งชี้พฤติกรรม อย่างเช่น การดีลแลกประเทศ ก็พยายามฟังว่าไปดีลกันเมื่อไหร่ เป็นการพูดลอยๆ คลุมเครือ ส่วนพฤติกรรมการขาดความเป็นผู้นำ ภาวะความเป็นผู้นำ หรือพฤติกรรมครอบงำ ก็ยังไม่มีพฤติกรรมที่บ่งชี้ ซึ่งการอภิปรายในครั้งนี้ หากเทียบในครั้งที่ผ่านมา ยังไม่มีความหนักแน่นพอ โดยมีการอภิปรายที่ดูเป็นรูปธรรม คือ ของนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน เป็นรายละเอียดที่ต้องไปศึกษาอีกครั้ง และต้องไปฟังนายกรัฐมนตรีตอบด้วย แต่ติดที่นายวิโรจน์ อาจจะใช้อารมณ์ไปบดบังสาระมากเกินไป ซึ่งหากสามารถตัดอารมณ์ คำเสียดสีและวาทกรรมได้ สาระของเขาคงจะน่าสนใจมากขึ้น ในส่วนของรัฐบาล ไม่มีอะไรที่น่าหนักใจ ยังคิดว่าข้อสันนิษฐานของตนที่บอกไว้ว่า “ข้อมูลน้อย น่าจะเป็นความจริง”

เมื่อถามถึงการอภิปรายที่ฝ่ายค้านวาง สมกับยุทธการโรยเกลือหรือไม่​ นายสุทิน​ กล่าวว่า ไม่ถึงขั้นนั้น โดยเฉพาะผู้นำฝ่ายค้านที่เบาหวิวกว่าที่คาด เบาไป ซึ่งคำว่าเบาที่ตนพูด คือการกล่าวลอยๆ ไม่มีตัวบ่งชี้ของพฤติกรรมที่กล่าวหา 

เมื่อถามว่าการอภิปรายมีการเชื่อมโยงไปถึงบุคคลในครอบครัวชินวัตร ​จะมีการฟ้องกลับหรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า จะเป็นช่วงของ นายวิโรจน์ อภิปรายมากกว่า ที่มีการพูดถึงครอบครัวชัดเจน และเจาะจงให้ร้าย ซึ่งไม่ใช่ความจริงก็มีสิทธิที่จะฟ้อง และตนคิดว่า เมื่อเขาตอบแล้ว ยืนยันแล้วไม่ใช่ความจริง เรื่องนี้ก็ถึงขั้นฟ้องร้องกัน และน่าจะชัดเจน ที่นายวิโรจน์จะต้องรับผิดเอง เพราะกล่าวหาชัดเจนและหนักหน่วงด้วย 

เมื่อถามว่าที่ฝ่ายค้านขู่ว่าเมื่ออภิปรายแล้วเสร็จ​จะยื่นเรื่องไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายสุทิน กล่าวว่า เมื่อมีการอภิปรายเกี่ยวกับการทุจริต และแสดงความหนักแน่นบริสุทธิ์ใจ ก็ต้องดูว่า​เขาจะมีการยื่น ป.ป.ช. ตรวจสอบหรือไม่​ ซึ่งจากที่ฟังเรื่องของการยื่นภาษี มีเรื่องที่น่าสนใจเพียงเรื่องเดียว แต่ก็ต้องฟังนายกรัฐมนตรีชี้แจง

เมื่อถามว่าฟัง พล.อ.ประวิตร​ อภิปรายในวันนี้​ เป็นเช่นไร นายสุทิน กล่าวว่า​ ท่านก็พยายามทำได้ดีที่สุดของท่านแล้ว​ ก็ให้กำลังใจ แต่ถ้าถามว่าหนักแน่น หรือเป็นข้อกล่าวหาที่น่าสนใจหรือไม่ ก็ไม่ถึงขั้นนั้น เข้าใจได้ว่า พล.อ.ประวิตร แค่จั่วหัวมากกว่า​ ซึ่งต้องรอดู ว่าจะมีใครอภิปรายขยายซ้ำหรือไม่ ถ้าอภิปรายเพียงแค่เท่านี้ คิดว่าไม่น่าจะถึงขั้นไม่ไว้วางใจ

เมื่อถามถึงการอภิปรายของ พล.อ.ประวิตร ที่บอกว่าประเทศไม่ใช่เวทีของนายกฯ ฝึกหัด ​(นายกฯ มือสมัครเล่น)​ นาย​สุทิน​ กล่าวว่า​เป็นเพียงวาทกรรมที่พูดกันมาตลอดว่าเป็นสนามเด็กเล่น และคราวนี้ก็มาบอกว่าเป็นนายกฯ ฝึกหัด ซึ่งตนมองว่า ไม่ใช่เป็นเรื่องฝึกหัด การมีทีมงานที่ดี มีพี่เลี้ยงที่ดี น่าจะดีกว่าพวกที่มีอาวุโสแต่ไม่มีทีมงาน 

เมื่อถามว่าการชี้แจงของนายกฯ ต่อคำอภิปรายของ พล.อ.ประวิตร ในวันนี้อย่างไร นายสุทิน​ กล่าวว่า​ น่าจะเป็นมุกเพื่อให้ทุกคนผ่อนคลายมากกว่า และมองว่าเป็นการย้อนศรเพื่อทำให้ทุกคนผ่อนคลายและสนุก แต่ในเรื่องการตอบแบบจริงจัง คงจะมีการที่แจ้งอีกครั้ง

เมื่อถามว่าคาดหวังอะไรกับฝ่ายค้านในการอภิปรายครั้งนี้​ นายสุทิน​ กล่าวว่า​ ก็จะพยายามรอฟัง ถ้าเพียงเท่าที่ผ่านมา คาดหวังไม่ได้ แต่อาจจะมีคนมาขยายความจึงต้องรอดู หากมีคนมาขยายความให้ ก็จะมีน้ำหนักเพิ่มมากขึ้น

เมื่อถามต่อว่าการเป็นพ่อลูกระหว่างนายกรัฐมนตรีกับนายทักษิณ หากมีการพูดคุยปรึกษากันถือเป็นการครอบงำหรือไม่​ นายสุทิน​ กล่าวว่า ฝ่ายค้านต้องพูดให้ชัดเจน และต้องขีดเส้นให้ได้ระหว่างคำว่าครอบงำกับแนะนำ ถ้าไม่สามารถขีดเส้นแบ่งตรงนี้ได้ การอภิปรายก็ไม่มีน้ำหนัก ยิ่งภาวะผู้นำ พูดยาก และยอมรับว่าแบ่งกันได้ยาก เพราะเป็นเรื่องธรรมชาติ เมื่อเป็นธรรมชาติมันก็แบ่งยาก ความเป็นพ่อ ความเป็นคนในการเมือง และความเป็นคนในพรรค และผู้นำพรรค รวมไปถึงความเป็นห่วงลูกพรรค​ ก็มีแนะนำกันบ้าง แต่หากจะดูว่าเป็นการครอบงำ ก็ต้องดูว่าเป็นขั้นไหน ซึ่งฝ่ายค้านต้องทำงาน​หนัก

เมื่อถามต่อว่าหากเปรียบการอภิปรายในครั้งนี้ ให้เป็นกลอนลำ ปรับเปลี่ยนเป็นกลอนอะไร นายสุทิน​ กล่าวว่า​ ไม่ใช่ลำซิ่ง ไม่ใช่ลำเต้ย แต่เป็นลำล่อง ล่องลอยไป พูดไปเรื่อย ล่องลอยไปเรื่อย ก่อนยิ้มกรุ้มกริ่มและพูดอีกครั้งว่าฝ่ายค้านเป็นลำล่อง