เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 26 มี.ค. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. พ.ต.อ.เพิ่มวุฒิ ประทุมราช ผกก.1 บก.ปปป. นำเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ กก.1 บก.ปปป. สนธิกำลังร่วมกับ ป.ป.ช. และ ป.ป.ท. เข้าตรวจค้นเป้าหมาย 17 จุดในพื้นที่ กรุงเทพฯ ลพบุรี ปราจีนบุรี และชลบุรี เพื่อจับกุมผู้ต้องหาขบวนการทุจริตเบิกจ่ายยาโรงพยาบาลทหารผ่านศึก ก่อนนำไปขายต่อให้กับบุคคลภายนอก
โดยเป้าหมายสำคัญจุดแรก อยู่ที่บ้านพักของ พันเอกหญิง กัญญารัตน์ ข้าราชการบำนาญ ในย่านเกียกกาย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ข้อหา เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ม.157, เป็นเจ้าพนักงานเบียดบังทรัพย์, เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสารอันเป็นเท็จ, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบ

หลังพบพยานหลักฐานว่า พันเอกหญิง กัญญารัตน์ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการทุจริตดังกล่าว เนื่องจากเป็นหัวหน้าขบวนการ ทำหน้าที่จัดหาเครือข่ายบุคคลจากจังหวัดลพบุรี เข้ามารับยาจากโรงพยาบาลทหารผ่านศึก และนำยาทั้งหมดที่ได้ ให้กับแม่ทีมเครือข่าย เพื่อแลกกับค่าจ้างร้อยละ 10 ของค่ายา ซึ่งแม่ทีมเครือข่ายจะได้ค่าจ้างรายหัวอีกรายละ 1,500 บาท
นอกจากนี้ ยังอีกหนึ่งเป้าหมายสำคัญอีกหนึ่งจุด คือ บ้านพักของแพทย์หญิง ผู้ชำนาญการ โรงพยาบาลทหารผ่านศึก ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ย่านลาดพร้าว 71 โดยตัวของแพทย์หญิงเองก็ถือเป็นอีกหนึ่งผู้ต้องหาคนสำคัญของขบวนการ เนื่องจากเป็นคนทำหน้าที่สั่งจ่ายยา โดยการวินิจฉัยโรคให้เกินจากโรคที่เป็นอยู่จริง ให้กับผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นผู้ป่วยที่เข้ามารับยาในขบวนการนี้
สำหรับที่ไปที่มาของปฏิบัติการครั้งนี้ สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ พลเอก เดชนิธิศ เหลืองงามขำ ผู้อำนวยการองค์การทหารผ่านศึก ได้มาร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน บก.ปปป. ให้ดำเนินการคดีกับขบวนการทุจริตยาของโรงพยาบาลทหารผ่านศึก เพื่อนำไปขายต่อให้กับบุคคลภายนอก หลังพบว่ามีการทุจริตมาตั้งแต่ปี 2561 จนถึงปัจจุบัน
โดยร่วมกันทำเป็นขบวนการ มี พันเอกหญิง กัญญารัตน์ เป็นหัวหน้าขบวนการ วางแผนตระเตรียมให้แม่ข่ายจัดหาบุคคลมาพบแพทย์ ทำทีตรวจรักษากับแพทย์หญิง เพื่อที่แพทย์หญิง จะได้สั่งจ่ายยาให้กับผู้นั้น และสั่งจ่ายยาที่เกินจากโรคที่เป็นอยู่จริง ก่อนจะรวบรวมยาทั้งหมดแล้วนำไปขายตามคลินิกหรือร้านยาต่างๆ แล้ว นำเงินที่ได้มาแบ่งกัน
ทั้งนี้ จากการจรวจสอบเส้นทางการเงินของ พันเอกหญิง กัญญารัตน์ พบในช่วงระยะเวลาตั้งแต่ปี 2561-2568 มีเงินถูกโอนเข้าบัญชีรวมกว่า 40 ล้านบาท ขณะที่ความเสียหายจากการทุจริตดังกล่าว ขณะนี้มีการประเมินความเสียหายไว้อยู่ที่ 80 ล้านบาท โดยประมาณ
อย่างไรก็ตามจากปฏิบัติการดังกล่าว เบื้องต้นขณะนี้มีรายแจ้งเข้ามาแล้วว่า ทางเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัว พันเอกหญิง กัญญารัตน์ และแพทย์หญิงสองผู้ต้องคนสำคัญของขบวนการได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างคุมตัวไปสอบปากคำยัง บก.ปปป.