เมื่อวันที่ 11 มี.ค. 2568 ยานสำรวจอวกาศเพอร์เซอเวียแรนซ์ขององค์การการบินและอวกาศแห่งสหรัฐหรือ “นาซา” จับภาพวัตถุประหลาดได้อย่างหนึ่งบนดาวอังคารและส่งกลับมายังพื้นโลก
วัตถุประหลาดนี้คือหินลึกลับที่มีลักษณะคล้ายไข่แมงมุมหลายร้อยฟองเกาะตัวกัน หินก้อนนี้ซึ่งอยู่ในบริเวณนเนินเขาวิตช์ เฮเซล บนขอบของหลุมอุกกาบาตเจซีโร มันมีฝุ่นทรายสีแดงเกาะอยู่เล็กน้อยและดูผิดแปลกไปจากสถานที่แวดล้อมอย่างเห็นได้ชัด
ทีมสำรวจอวกาศเพอร์เซอเวียแรนซ์ตั้งชื่อหินก้อนนี้ว่า “เซนต์พอลส์เบย์” และระบุว่าเป็น “หินลอย” หมายความว่าเป็นหินหรือแร่ที่เคลื่อนหลุดออกจากแหล่งกำเนิดเดิม ด้วยเหตุนี้ จึงไม่มีเบาะแสในบริบทแวดล้อมที่อาจอธิบายได้ว่า ทำไมมันจึงมีผิวสัมผัสที่แปลกประหลาดอย่างที่เห็น

ไม่เพียงบริบททางธรณีวิทยาเท่านั้นที่ขาดหายไป มีบางอย่างทำให้หินนี้เคลื่อนตัวออกจากตำแหน่งเดิม และการเคลื่อนตัวดังกล่าว อาจเปิดเผยข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับธรณีวิทยาของดาวอังคารได้ อาจเป็นไปได้ว่าหินนี้ก่อตัวขึ้นเมื่ออุกกาบาตพุ่งชนดาวอังคาร ทำให้หินได้รับความร้อนจนกลายเป็นก๊าซ ก่อนที่จะควบแน่นเป็นเม็ดเล็กๆ ดังที่เห็นในภาพถ่าย
หากเป็นในกรณีนั้น หินเซนต์พอลส์เบย์อาจมีต้นกำเนิดมาจากที่ที่ห่างไกลจากจุดที่มันอยู่ในปัจจุบัน และอาจเผยข้อมูลว่า อุกกาบาตที่พุ่งชนดาวอังคารทำให้วัตถุบนดาวเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง
นอกจากนี้ นาซายังระบุด้วยว่า เป็นไปได้ที่หินนี้จะกลิ้งลงมาจากเนินวิตช์ เฮเซล มันอาจมีต้นกำเนิดมาจากชั้นหินที่สีเข้มกว่าบนเนินเขา การศึกษาเนินเขาวิตช์ เฮเซล อย่างใกล้ชิดอาจบอกนักวิทยาศาสตร์ได้ว่า ชั้นหินสีเข้มเหล่านั้นประกอบด้วยอะไรบ้าง และหากองค์ประกอบของชั้นหินคล้ายกับหินเซนต์พอลส์เบย์ ก็อาจเป็นตัวบ่งชี้ถึงปรากฏการณ์ภูเขาไฟ ร่องรอยของการพุ่งชนของอุกกาบาตในอดีต และเบาะแสของน้ำใต้ดินในอดีต หรืออื่นๆ

หินแปลกๆ อย่างหินเซนต์พอลส์เบย์นี้ เป็นแหล่งข้อมูลสำคัญสำหรับนักวิทยาศาสตร์เพื่อใช้ศึกษาเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของดาวอังคารตามกาลเวลาที่ผ่านไป การก่อตัวและการเคลื่อนที่ของหินเหล่านี้ เผยให้เห็นปฏิสัมพันธ์ที่ซับซ้อนระหว่างน้ำ หิน และแรงทางธรณีวิทยาบนดาวอังคาร ซึ่งสามารถช่วยตอบคำถามได้ว่า ดาวเคราะห์นี้เคยมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ในอดีตหรือไม่
หากเนินเขาวิตช์ เฮเซล เคยมีน้ำใต้ดิน ตัวอย่างหินบางส่วนที่ยานเพอร์เซอเวียแรนซ์รวบรวมได้ ก็อาจมีจุลินทรีย์ที่กลายเป็นฟอสซิลอยู่ในนั้น นาซาได้วางแผนไว้ว่า จะเริ่มภารกิจนำตัวอย่างวัตถุจากดาวอังคารกลับมายังโลกราวปี 2573 เพื่อศึกษาเพิ่มเติม
ที่มา : livescience.com
เครดิตภาพ : NASA/JPL-Caltech/LANL/CNES/IRAP, NASA/JPL-Caltech/ASU