เมื่อวันที่ 1 เม.ย. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์ภาพพร้อมระบุข้อความเชิงตัดพ้อ หลังตนเองได้รับใบสั่งปรับฐานขับรถด้วยความเร็วเกินกำหนด ทั้งๆ ที่รถและหมายเลขทะเบียนรถคันดังกล่าว​ไม่ใช่ของตนเอง ซ้ำยังเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาแล้วเมื่อปีที่ผ่านมา ซึ่งก็เป็นรถคันเดียวกันกับที่โดนในปีนี้อีก โดยในโพสต์ระบุข้อความว่า “ซื้อหวยได้เลยจ้า รอบนี้ร้อยเอ็ด กันเลยทีเดียว ทะเบียน รถพี่ 4870 นะคะ ไม่ใช่ 4370 คนอะไรจะดวงดีทุกปี ปีที่เเล้ว พะเยา ปีนี้ ร้อยเอ็ด ทะเบียนก็คนละทะเบียน 4370 แต่ส่งมา 4870 หวยมาตกที่เเสงอรุณตลอด”

น.ส.แสงอรุณ ใจสูง อายุ 47 ปี เจ้าของร้านจำหน่ายอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า ในเขตเทศบาลหนองฉาง ซึ่งเป็นผู้โพสต์ดังกล่าว เปิดเผยว่า ตนได้รับเอกสารใบสั่งปรับจราจรฉบับนี้มาเมื่อช่วงสายวานนี้ หลังอ่านในรายละเอียดได้ระบุว่า เมื่อวันที่ 28 ก.พ. 68 รถยนต์โตโยต้า สีดำ หมายเลขทะเบียน กจ 4370 อุทัยธานี ได้ขับขี่ด้วยความเร็วที่ 110 ซึ่งเกินอัตราที่กำหนดในพื้นที่ 90 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในช่วงเวลา 20.01 น. โดยมีการแจ้งข้อหา ขับรถใช้ความเร็วเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด (พ.ร.บ.จราจร ม.67 วรรคหนึ่ง, ม.152) ฝ่าฝืนป้ายจำกัดความเร็ว (พ.ร.บ.ทางหลวงฯ มาตรา 5 (2), มาตรา 69) เหตุเกิดที่บริเวณ ทล.23 กม.148 (ขาออก) ต.เมืองไพร อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด

น.ส.แสงอรุณ กล่าวต่อว่า รถตนเองนั้นเป็นรถยี่ห้อ โตโยต้า สีดำเหมือนกัน แต่เป็นรถเก๋ง และหมายเลขทะเบียนนั้นคือ หมายเลข กจ 4870 อุทัยธานี ส่วนรถคันที่โดนใบสั่งนั้นเป็นรถกระบะ และหมายเลขนั้นก็ชัดเจนมากว่า​ เป็นหมายเลข กจ 4370 อุทัยธานี ทำให้รู้สึกงงว่าทำไมถึงได้มีการออกใบสั่งผิดพลาดแบบนี้ถึง 2 ครั้ง และ 2 ปีติด ซ้ำยังเป็นรถคันเดียวกันอีกด้วย ทำให้ตนเองต้องมาจ่ายค่าปรับ 500 บาท ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ผู้กระทำผิด ซึ่งถือว่าเงินจำนวนนี้ก็เป็นเงินที่มากพอสมควร มากกว่าค่าแรง 1 วัน ในช่วงเศรษฐกิจเช่นนี้ และหากคนที่โดนใบสั่งนี้เป็นคนที่ไม่รู้ว่าต้องแก้ปัญหานี้ยังไง จะทำอย่างไรได้ หรืออาจก็ต้องจำใจยอมจ่ายเงินค่าปรับตรงนี้ไป​ ทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำ

“ครั้งนี้คงต้องนำหลักฐานนี้ไปแจ้งลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานอีกเช่นเคย เพราะได้โทรศัพท์ไปสอบถามกับทางต้นทางใบสั่งนี้แล้ว ก็ได้บอกให้แอดไลน์และส่งเอกสารนี้ไปให้ แต่รอจนข้ามวันมาแล้วก็ยังไม่มีใครอ่านไลน์นี้เลย หากเป็นไปได้ก็อยากให้หน่วยงานที่รับผิดชอบเรื่องนี้​ ช่วยตรวจสอบข้อมูลให้ละเอียดกว่านี้ เพราะแบบนี้คนที่ไม่ได้ทำผิดต้องมาเดือดร้อน” น.ส.แสงอรุณ กล่าว.