เมื่อวันที่ 2 เม.ย.68 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนานพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่1 ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ทั้งนี้ก่อนเข้าสู่ระเบียบวาระได้ให้สส.หารือถึงปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน โดยนายอัครแสนคีรี โล่ห์วีระ สส.ชัยภูมิ เขต 7 พรรคกล้าธรรม(กธ.) กล่าวว่า ตนในนามตัวแทนพี่น้องที่เดือดร้อนจากการอยู่อาศัยในพื้นที่ป่า โดยตนได้ลงพื้นที่ร่วมกับ สส.พรรคกล้าธรรม ในหลายจังหวัด อาทิ จ.ขอนแก่น ซึ่งได้รับการร้องเรียนจากเครือข่าย 13 นิคม 14 ป่า ว่า ปัจจุบันระบบ การจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล (คทช.) ไม่ตอบโจทย์ความมั่นคงในการใช้ที่ดิน ตนและพรรคกล้าธรรม จึงมีข้อเสนอว่า ให้โอนพื้นที่ 13 นิคม 14 ป่า กลับไปอยู่ในความดูแลของกรมส่งเสริมสหกรณ์ เพื่อจัดตั้งเป็นนิคมส่งเสริมสหกรณ์อย่างถูกต้อง และ นำมาจัดรูปแบบการใช้พื้นที่ให้เหมาะสมกับสภาพความเป็นจริงของการใช้ที่ดินในปัจจุบัน ตนขอฝากให้รัฐบาลเร่งรัดพิจารณาเรื่องดังกล่าวด้วย
นายอัครแสนคีรี กล่าวต่อว่า อีกเรื่องหนึ่งที่ตนอยากฝากไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้แก่ กรมป่าไม้ ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ และกรมชลประทาน ถึงการขุดลอกเขื่อนลำปะทาว จ.ชัยภูมิ เนื่องจากโครงการฯนี้ได้อนุมัติตั้งแต่ปีงบประมาณ 67 แต่ยังไม่ได้ดำเนินการ เนื่องจากการทะเบียนการขอใช้พื้นที่ป่าของเขื่อนลำปะทาวได้หมดอายุ ส่งผลให้เกิดปัญหาความล่าช้าของโครงการเป็นปีแล้ว
“ผมขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการผ่อนผัน ระเบียบต่างๆ หรือเร่งอนุมัติ การขอใช้พื้นที่ป่าไม้ เพราะปัญหาน้ำล้นเขื่อนลำปะทาว ทำให้เกิดน้ำท่วมเทศบาลเมืองชัยภูมิ โดยโครงการดังกล่าวมีประโยชน์ต่อการแก้ปัญหาน้ำท่วมและช่วยเพิ่มปริมาณน้ำให้กับเกษตรกร ปัจจุบันได้ผ่านหน้าแล้ง จนจะเข้าฤดูฝนอีกรอบแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ขุดสักที นอกจากนี้ขอให้พิจารณาจัดทำฝายน้ำล้นบริเวณเขื่อน เพื่อกักเก็บน้ำช่วงฤดูฝนให้พี่น้องเกษตรกรไว้ใช้ในช่วงหน้าแล้งด้วย“นายอัครแสนคีรี กล่าว.