เมื่อเวลา 17.10 น. วันที่ 3 เม.ย.ที่ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ นายนเรนทร โมที (H.E. Mr. Narendra Modi) นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐอินเดีย เป็นสักขีพยานในพิธีลงนามปฏิญญาและแลกเปลี่ยนบันทึกความเข้าใจระหว่างประเทศไทยและอินเดีย จำนวน 6 ฉบับ คือ 1.ปฏิญญาร่วมว่าด้วยการสถาปนาความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ไทย-อินเดีย 2.บันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และกระทรวงอิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยีสารสนเทศอินเดีย ว่าด้วยความร่วมมือด้านเทคโนโลยีดิจิทัล
3.บันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงท่าเรือ การขนส่ง และเส้นทางน้ำ ของอินเดีย และกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม ว่าด้วยการพัฒนาโครงการศูนย์มรดกทางทะเลแห่งชาติ เมืองโลธาล รัฐคุชราต 4.บันทึกความเข้าใจระหว่างบริษัท National Small Industries Corporation Ltd. (NSIC) แห่งอินเดีย และสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม 5.บันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงการพัฒนาภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย และกระทรวงการต่างประเทศ ว่าด้วยความร่วมมือด้านหัตถกรรมและการพัฒนาชุมชนช่างฝีมือ และ 6.บันทึกความเข้าใจระหว่างบริษัท North Eastern Handicrafts & Handlooms Development Corporation Ltd (NEHHDC) ของอินเดีย และสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (CEA)
จากนั้น นายกฯไทยและอินเดียร่วมพิธีมอบพระไตรปิฏกสากล ฉบับสัชฌายะ พร้อมแถลงข่าวร่วมกัน ทั้งนี้ ผู้นำทั้งสองยังได้ตกลงที่จะเสริมสร้างความร่วมมือทางการเมืองและความมั่นคงผ่านการแลกเปลี่ยนการเยือนระดับสูง ความร่วมมือทางอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศ การซ้อมรบร่วม และการแบ่งปันแลกเปลี่ยนแนวปฏิบัติที่ดีในการรับมือกับภัยคุกคามทั้งรูปแบบเดิมและรูปแบบใหม่ ในด้านเศรษฐกิจ อินเดียเป็นประเทศคู่ค้าอันดับ 1 ของไทยในภูมิภาคเอเชียใต้ โดยเมื่อปี 2567 มีมูลค่าการค้าระหว่างกันกว่า 17,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งนายกฯไทย เสนอให้ร่วมกันเจรจาปรับปรุงความตกลงการค้าเสรีไทย-อินเดีย และอาเซียน-อินเดียให้ครอบคลุมมากขึ้น รวมไปถึงการอำนวยความสะดวกในการลงทุนระหว่างกัน
นอกจากนี้ ผู้นำทั้งสองได้หารือถึงการพัฒนาเส้นทางพุทธศาสนา ให้ขยายครอบคลุมถึงรัฐสำคัญอื่น ๆ โดยเฉพาะรัฐคุชราต ซึ่งเป็นการเชื่อมโยงสถานที่สำคัญกับประเทศไทยและประเทศอื่น ๆ ในบิมสเทค ทั้งนี้ ในปีที่ผ่านมา การท่องเที่ยวระหว่างไทยและอินเดียมีความก้าวหน้าอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีมาตรการอำนวยความสะดวกด้านการตรวจลงตราให้แก่นักท่องเที่ยวทั้งสองฝ่าย ซึ่งได้สนับสนุนการเพิ่มความถี่ของเที่ยวบินและการเปิดเส้นทางบินใหม่ไปยังเมืองน่าเที่ยวของทั้งสองประเทศ นอกจากนี้ ไทยและอินเดียยังเห็นพ้องที่จะจัดตั้งกลไกการหารือระหว่างกรมการกงสุล เพื่อการคุ้มครองดูแลคนชาติของกันและกันด้วย
ในช่วงท้าย นายกฯ กล่าวว่า การเยือนไทยในครั้งนี้ของนายกฯสาธารณรัฐอินเดียและการประกาศยกระดับความสัมพันธ์ไทย-อินเดียเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ ไม่เพียงแต่เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับความสัมพันธ์อันยาวนานของทั้งสองประเทศเท่านั้น แต่ยังเป็นหมุดหมายสำคัญที่จะปูรากฐานความร่วมมืออันลึกซึ้งยิ่งขึ้นระหว่างกันต่อไป
ด้านนายกฯอินเดีย กล่าวแสดงความขอบคุณต่อรัฐบาลไทยสำหรับการต้อนรับอย่างอบอุ่น พร้อมแสดงความเสียใจต่อผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหว โดยเน้นย้ำถึงสายสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมและศาสนาระหว่างอินเดียและไทย โดยเฉพาะอิทธิพลของพุทธศาสนาและวัฒนธรรม รวมถึงความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้า เทคโนโลยี และความมั่นคง โดยอินเดียได้ให้บริการฟรีวีซ่า แก่ชาวไทยและร่วมมือกับไทยในประเด็นอาชญากรรมข้ามชาติ รวมทั้งทั้งสองประเทศยังยืนยันจุดยืนร่วมกันต่อเสถียรภาพในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก ที่เสรี เปิดกว้าง ครอบคลุม และยึดหลักกฎหมาย ทั้งนี้ อินเดียพร้อมเข้าร่วมการประชุม BIMSTECในวันที่ 4 เม.ย. ซึ่งประเทศไทยในฐานะประธานได้ผลักดันความร่วมมือในภูมิภาคอย่างแข็งขัน.