เมื่อวันที่ 6 เม.ย. นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.การต่างประเทศ เดินทางเยือนกรุงเนปิดอว์ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ร่วมกับดาโตะ เซอรี อูตามา ฮาจี โมฮามัด บิน ฮาจี ฮาซัน รมว.ต่างประเทศมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน เมื่อวันที่ 5 เม.ย.ที่ผ่านมา เพื่อแสดงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของอาเซียนภายหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งล่าสุด และร่วมกันประเมินความต้องการความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม รวมถึงหารือแนวทางการจัดส่งความช่วยเหลือให้แก่ผู้ประสบภัย ตามมติที่ประชุมวาระพิเศษฉุกเฉินของรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนต่อกรณีแผ่นดินไหวในเมียนมาและไทย เมื่อวันที่ 30 มี.ค.2568

สำหรับคณะของไทยประกอบด้วยผู้แทนจากกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงสาธารณสุข และกองบัญชาการกองทัพไทย โดยคณะของไทยและมาเลเซียได้เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย นายกรัฐมนตรีเมียนมา และพบหารือกับนายตาน ส่วย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศเมียนมา รวมถึงยังได้หารือกับคณะของศูนย์ประสานงานอาเซียนเพื่อความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการจัดการภัยพิบัติ (AHA Centre) และหน่วยงานของสหประชาชาติ เกี่ยวกับการระดมความช่วยเหลือแก่ประชาชนเมียนมา โดยสิ่งจำเป็นเร่งด่วนขณะนี้ คือการสนับสนุนทางการแพทย์ ที่พักอาศัยชั่วคราว อุปกรณ์ทำน้ำดื่มสะอาด และเวชภัณฑ์ต่างๆ เพื่อป้องกันโรคระบาด ทั้งนี้ ไทยและมาเลเซียเห็นพ้องกันว่า จะประสานงานใกล้ชิดกับเมียนมาในการบริหารจัดการความช่วยเหลือในระยะฟื้นฟู โดยมี AHA Centre ของอาเซียนเป็นแกนกลางประสานงาน

นอกจากนี้ รมว.การต่างประเทศ ยังได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ของกองทัพไทยที่โรงเรียน Basic Education High School Mingon ซึ่งมีประชาชนท้องถิ่นมาขอรับบริการจำนวนมาก พร้อมทั้งส่งมอบสิ่งของบรรเทาทุกข์จากสภากาชาดและภาคเอกชนไทยแก่สภากาชาดเมียนมาเพื่อนำไปแจกจ่ายแก่ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนด้วย

ทั้งนี้ นายมาริษ กล่าวว่า ขอบคุณรมว.ต่างประเทศมาเลเซีย ในฐานะประเทศประธานอาเซียน 2568 ที่เชิญตนและประเทศไทย ซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดกับเมียนมา และมีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมมาตลอด ได้ร่วมเดินทางมาเยือนเมียนมาครั้งนี้ เพื่อหารือแนวทางสนับสนุนการให้ความช่วยเหลือประชาชนเมียนมาที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว สิ่งจำเป็นเร่งด่วนขณะนี้คือการสนับสนุนทางการแพทย์ ที่พักอาศัยชั่วคราว อุปกรณ์ทำน้ำดื่มสะอาด และเวชภัณฑ์ต่างๆ เพื่อป้องกันโรคระบาด นอกจากนี้ ตนได้ตกลงกับประธานอาเซียนว่าจะประสานงานใกล้ชิดกับเมียนมาในการบริหารจัดการความช่วยเหลือ โดยมี AHA Centre ของอาเซียนเป็นแกนกลางประสานงาน และในเบื้องต้น ไทยจะเน้นพื้นที่เมืองมัณฑะเลย์ ส่วนมาเลเซียจะเน้นพื้นที่ภาคสะกาย

นายมาริษ กล่าวอีกว่า ขอชื่นชมการสนับสนุนของกองทัพไทย และภาคเอกชนไทยทันทีที่เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวในเมียนมา ซึ่งสะท้อนบทบาทสร้างสรรค์ของไทย และได้สร้างความประทับใจอย่างยิ่งแก่ประชาชนเมียนมา ซึ่งตนดีใจที่ได้ไปให้กำลังใจหน่วยแพทย์ของกองทัพไทยที่เปิดคลินิกเคลื่อนที่ โดยมีประชาชนมารับบริการจำนวนมาก และได้มอบความช่วยเหลือจากสภากาชาดไทยให้แก่สภากาชาดเมียนมาด้วย