เมื่อวันที่ 9 เม.ย. ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) แถลงข่าวผลงาน พม.รอบ 6 เดือนระหว่างเดือน ต.ค. 2567-มี.ค. 2568 ว่า ภายใต้หลักการ พม.หนึ่งเดียว ภารกิจสำคัญคือ การดำเนินงานโครงการในพระราชดำริเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต เช่น โครงการจิตอาสาพัฒนาคลองเปรมประชากร ปรับปรุงบ้านริมคลองให้มีบ้านมั่นคง คลองน้ำไม่เน่า ส่งเสริมอาชีพ ทำให้ชุมชนเข้มแข็งขึ้น, โครงการอบรมล่ามภาษามือชุมชน 135 ชั่วโมง โครงการเฉลิมพระเกียรติ เช่น โครงการจัดหากายอุปกรณ์ให้ผู้พิการ 72,000 ชุด และ โครงการแว่นตาผู้สูงอายุ 2,400 กว่าราย 

“ส่วนโครงการตามนโยบายรัฐบาล ดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ซึ่งผู้พิการได้รับแล้ว 2.1 ล้านราย ออกบัตรคนพิการอีก 1 แสนราย เหลือไม่รับเงินอีก 30,000 คนกำลังเร่งดำเนินการ ผู้สูงอายุ 2.8 ล้านคน ที่ยังไม่ได้รับ 1.5 แสนราย ซึ่งอาจเป็นเพราะไม่มีโทรศัพท์มือถือ ข้อมูลไม่ตรง โดยกระทรวง พม.กำลังเร่งดำเนินการ” นายวราวุธ กล่าว

รมว.พม. กล่าวต่อว่า ปัจจุบันประเทศไทย กำลังเผชิญวิกฤติใหญ่ 2 เรื่องที่ต้องฝ่าไปให้ได้ คือ 1.วิกฤติประชากร และ 2.วิกฤติความเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ จึงได้จัดตั้ง 2 ศูนย์เร่งรัดจัดการสวัสดิการประชาชน (ศรส.) ดูแลภาวะเร่งด่วนมีทีมสหวิชาชีพเข้าตรงจุดบรรเทาเฉพาะหน้า โดย 6 เดือนที่ผ่านมามีร้องผู้เรียน 87,000 ราย ที่ร้องเรียนมากสุดคือ 1.ความรุนแรงครอบครัว 2.รายได้ ความเป็นอยู่ 3.คนไร้ที่พึ่ง ขอทาน จึงได้ผลักดันร่างพ.ร.บ.คุ้มครองผู้ถูกกระทำความรุนแรงในครอบครัว ผ่านครม.แล้วจะส่งเข้ารัฐสภาต่อไป, ร่างพ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก ก็รอเข้า ครม. และยังตั้งศูนย์บริหารการดูแลกลุ่มเปราะบางจากภัยพิบัติ (ศบปภ.) รวมทั้งได้ขอกรมบัญชีกลางเพิ่มเบี้ยทำถุงยังชีพจาก 700 บาท เป็น 1,000 บาท เพิ่มอุปกรณ์ต่างๆ เช่น ผ้าอ้อม นมผง ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ และทำงานร่วมกับธนาคารโลกจัดทำแผนที่เสี่ยงภัย แสดงข้อมูลกลุ่มเปราะบางในกรณีเกิดภัยพิบัติในการเข้าไปช่วยเหลือได้ทันท่วงที

นายวราวุธ กล่าวต่อว่า สำหรับการเดินหน้าพันธกิจสำคัญ 9 เรือธง คือ 1.ยกระดับพัฒนาศักยภาพเด็กปฐมวัย โดย 6 เดือนที่ผ่านมาได้ยกระดับศูนย์พัฒนาเด็กปฐมวัย 8 แห่ง และขยายสู่เป้าหมาย 462 แห่งทั่วประเทศ พัฒนาแอปพลิเคชันดูแลเด็กปฐมวัย 2.ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานดูแลผู้สูงอายุ รองรับสังคมผู้สูงอายุสุดยอดในอีกไม่ถึง 10 ปี อาทิ เพิ่มผู้บริบาลและคุ้มครองสิทธิผู้สูงอายุในชุมชน ตั้งเป้าปี 2570 มี 34,000 คน และพัฒนาแพลตฟอร์มนิรันดร์ในการติดตามการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น 3.สร้างงาน สร้างรายได้ พัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบาง พัฒนาทุนมนุษย์ สร้างคุณค่าทางเศรษฐกิจในระดับนิคมสร้างตนเอง 25 แห่ง ซึ่งดำเนินการแล้ว 13 แห่ง มีรายได้เพิ่มขึ้น 8 ล้านบาท มีรายได้ 10,000 บาททุกเดือน

4.พัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ มีอาชีพ มีรายได้ พึ่งพาความสามารถของตนเอง  5.สร้างหุ้นส่วนทางสังคมสู่สวัสดิการที่ยั่งยืน เช่น โครงการเสริมพลังวัดพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบาง จะขยายไปยังองค์กรศาสนาอื่นๆ ต่อไป  6.การขับเคลื่อนพันธกรณีระหว่างประเทศ 7.การสื่อสารประชาสัมพันธ์ทางสังคมเชิงรุก ให้ประชาชนมั่นใจใน พม.และสื่อสารเพื่อสร้างการตระหนักรู้เกี่ยวกับสิทธิต่างๆ  8.พัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านสังคม ให้เป็นนักพัฒนาสังคมมืออาชีพ  9.พัฒนาระบบ พม.ดิจิทัลและฐานข้อมูล บูรณาการฐานข้อมูลกลุ่มเปราะบางซึ่งขณะนี้ทุกกรมสามารถเชื่อมข้อมูลได้แล้ว กำลังประสานเชื่อมต่อระหว่างหน่วยงานภายนอกเพื่อความรวดเร็วในการเข้าช่วยเหลือกลุ่มเป้าหมาย

นายวราวุธ กล่าวด้วยว่า กรณีที่มีกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) นั้น ขอให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่กระทรวง พม. อย่าไปสนใจกระแสข่าวดังกล่าว ซึ่งการปรับ ครม. เมื่อไรนั้น ตนไม่ทราบ แต่วันนี้ตราบใดที่ตนยังดำรงตำแหน่ง รมว.พม. ตนจะทำงานจนถึงนาทีสุดท้าย ซึ่งตนได้วางแผนงานไว้ 6 เดือนล่วงหน้าแล้ว ดังนั้น ขอเน้นย้ำให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่กระทรวง พม.ทุกคน ทำงานอย่างเต็มที่ อย่าใส่เกียร์ว่างในการทำงาน อย่าเบาเครื่อง อย่าชะลอเครื่อง เพราะปัญหาของพี่น้องประชาชนไม่ได้รอการปรับ ครม. ในทางกลับกันหากกลัวการปรับ ครม. ยิ่งต้องเร่งเครื่องทำงานให้เต็มที่ สำหรับการประเมินผลการทำงานของตนนั้น ถ้าคะแนนเต็ม 10 แล้ว ตนให้คะแนนตนเอง 5 คะแนน เพราะยังต้องทำงานอีกเยอะ วันนี้เรามาได้ 5 คะแนนแล้ว เหลืออีก 5 คะแนน ที่จะต้องทำต่อไป

“ใครจะเป่าหูว่า รมว.วราวุธ จะย้ายไปอยู่ที่นั่นที่นี่ ไม่ต้องห่วง เพราะเมื่อมีข่าวปรับ ครม.ทุกครั้งมีชื่อผมทุกครั้ง จึงชินแล้ว แต่วันนี้ผมยังเป็นรมว.พม.อยู่ มาทำงานด้วยกัน ให้เป็นความหวัง ที่พึ่งของประชาชนที่แท้จริง”