สำนักข่าวซินหัวรายงานจากกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่ 13 เม.ย. ว่ารายงานแนวโน้มการพัฒนาเอเชีย ประจำเดือนเม.ย.2568 คาดการณ์ว่า ภาวะเงินเฟ้อในภูมิภาคดังกล่าวจะลดลงเหลือ 2.3% ในปีนี้ และ 2.2% ในปี 2569 เนื่องจากราคาน้ำมันโลกและสินค้าโภคภัณฑ์อื่นที่ลดลง จะช่วยลดแรงกดดันด้านราคาในภูมิภาคนี้อย่างต่อเนื่อง


นายอัลเบิร์ต ปาร์ก หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของเอดีบี กล่าวว่า การคาดการณ์เศรษฐกิจของภูมิภาคดังกล่าว ซึ่งจัดทำเสร็จก่อนสหรัฐประกาศมาตรการภาษีใหม่ เมื่อวันที่ 2 เม.ย. ที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นว่าการเติบโตของประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียจะชะลอตัวในปี 2568-2569


ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกจะเผชิญกับความท้าทายจากอุปสรรคทางการค้าที่เพิ่มขึ้น และความไม่แน่นอนทางการค้า แต่อุปสงค์ในประเทศที่มั่นคงและการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ จะช่วยสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ พร้อมเตือนถึงความเสี่ยงด้านลบ ที่อาจส่งผลกระทบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในภูมิภาค จากกรณีที่สหรัฐบังคับใช้มาตรการภาษีใหม่อย่างเต็มรูปแบบ และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ทวีความรุนแรงขึ้น


อนึ่ง นายมาซาโตะ คันดะ ประธานเอดีบี กล่าวว่าเอเชียและแปซิฟิกกำลังยืนอยู่บนจุดเปลี่ยนที่สำคัญ ภูมิภาคแห่งนี้กำลังเผชิญกับภูมิทัศน์ทางเศรษฐกิจซึ่งซับซ้อนมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ความตึงเครียดทางการค้า การเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบาย และความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น


การยกระดับความร่วมมือระดับภูมิภาคถือเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อรับมือกับความเปราะบางที่เผชิญร่วมกัน เช่น ความเปราะบางของห่วงโซ่อุปทาน ความมั่นคงด้านพลังงาน และภัยพิบัติต่าง ๆ ขณะที่การเสริมแกร่งสถาบันเพื่อความร่วมมือข้ามพรมแดน จะช่วยวางรากฐานที่มั่นคงสำหรับการเติบโตและเสถียรภาพที่ยั่งยืน.

ข้อมูล : XINHUA

เครดิตภาพ : AFP