สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 18 เม.ย. ว่า หากไม่นับรวมอาหารสดแล้ว ดัชนีผู้บริโภคเพิ่มขึ้น 3.2% เมื่อเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา หากเทียบเป็นรายปี จาก 3.0% ในเดือน ก.พ. ปีนี้ ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของตลาด

หากไม่นับรวมราคาพลังงานซึ่งมีความผันผวน ดัชนีผู้บริโภคเพิ่มขึ้น 2.9% ในเดือนที่แล้ว จาก 2.6% เมื่อเดือน ก.พ. แต่โดยรวมถือว่า อัตราเงินเฟ้อของญี่ปุ่น ลดลงเหลือ 3.6% เมื่อเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา จาก 3.7% ในเดือน ก.พ.

ข้อมูลดังกล่าว น่าจะทำให้คาดการณ์ได้ว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) จะขึ้นอัตราดอกเบี้ย และอัตราเงินเฟ้อจะยังคงสูงกว่าเป้าหมายซึ่งบีโอเจกำหนดไว้ที่ 2%

ด้านกระทรวงมหาดไทยญี่ปุ่นกล่าวว่า ราคาผลิตภัณฑ์อาหารทั้งสดและแห้ง เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกับค่าธรรมเนียมโรงแรม โดยราคาธัญพืชเพิ่มขึ้นมากที่สุด 25.4% ส่วนราคาข้าวพุ่งสูงถึง 92.5%

ปัจจัยเบื้องหลังการขาดแคลน ได้แก่ การเก็บเกี่ยวที่ไม่ดีเนื่องจากอากาศร้อนในปี 2566 การกักตุนเนื่องจากความแตกตื่น หลังเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เมื่อปีที่แล้ว นักท่องเที่ยวจำนวนมากเป็นประวัติการณ์ซึ่งเข้ามาเพิ่มการบริโภค และการกักตุนของผู้ค้าบางราย

แต่ไม่ใช่แค่ข้าวเท่านั้น ราคาของกะหล่ำปลีในญี่ปุ่นก็แพงขึ้นขึ้นเช่นกัน โดยพุ่งขึ้นสูงถึง 111.6% ในเดือน มี.ค. เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว

ทั้งนี้ อากาศร้อนจัดในช่วงฤดูร้อน และฝนตกหนักเกินเกณฑ์เฉลี่ยในหลายภูมิภาคของญี่ปุ่น เมื่อปีที่แล้ว ทำให้พืชผลเสียหาย ซึ่งส่งผลให้ราคาผักใบเขียวพุ่งสูงขึ้น จนทำให้เกิด “วิกฤติกะหล่ำปลี” นานระยะหนึ่ง.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES