เมื่อวันที่ 19 เม.ย. นายนพดล ปัทมะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงการพบปะกันระหว่างนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน และนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ว่า มีการพูดคุยกันหลายเรื่อง โดยเฉพาะประเด็นที่อยู่ในความสนใจ เรื่องการช่วยเหลือทางมนุษยธรรมและการยุติการสู้รบ รวมทั้งสร้างสันติภาพในเมียนมา ซึ่งทราบว่าทางนายอันวาร์ ได้พบปะกับทั้ง พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมา  

ซึ่งตนเห็นว่า การพบปะของนายอันวาร์และนายทักษิณ นับว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดี เพราะท่านทักษิณนั้น เป็นผู้ที่มีความรู้ ประสบการณ์ และมีเครือข่ายเพื่อนผู้นำที่มีบทบาทในเวทีโลกอย่างกว้างขวาง คงจะช่วยให้คำแนะนำประธานอาเซียน และทำให้กระบวนการสร้างสันติภาพในเมียนมา ได้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรมและเกิดเป็นจริงรวดเร็วมากขึ้น เพราะเราต้องยอมรับว่า ที่ผ่านมาตั้งแต่อาเซียนมีฉันทามติ 5 ข้อ เมื่อหลายปีก่อน มีความคืบหน้าเรื่องเมียนมาน้อยมาก ถ้าจะพูดว่าเป็นการขับเคลื่อนที่ค่อนข้างเฉื่อยก็คงจะไม่ผิดจากความเป็นจริง ซึ่งหลังจากที่นายทักษิณได้เข้ามามีส่วนร่วม และมีบทบาทร่วมกับนายอันวาร์ ก็ได้ทำให้การพูดคุยขับเคลื่อนการเจรจาสร้างสันติภาพในเมียนมากับกลุ่มต่างๆ ได้เกิดขึ้นเป็นขั้นเป็นตอน เป็นรูปธรรม เป็นการพูดที่เฉียบคมและมีเป้าหมายเป็นรูปธรรมมากขึ้น ซึ่งผลที่ตามมานั้น น่าจะวิน-วิน ทุกฝ่าย ทั้งประชาชนชาวเมียนมา โดยเฉพาะเด็ก ผู้สูงอายุและสตรี ไม่ต้องหลบลี้ หนีภัยสู้รบข้ามเขตแดนมาประเทศไทย สันติภาพในเมียนมา ก็จะนำมาซึ่งความร่วมมือระหว่างไทยและเมียนมา ในประเด็นต่างๆ ได้ดีขึ้น เช่น เรื่องของ PM2.5 ยาเสพติด คอลเซ็นเตอร์ เป็นต้น ส่วนผลในระยะยาว ก็จะทำให้ภูมิภาคอาเซียนเป็นภูมิภาคแห่งสันติภาพ มีความเป็นเอกภาพและความเป็นหนึ่งเดียวกันของอาเซียนก็จะเกิดขึ้นจริง 

“ในยุคที่เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างนายอันวาร์และนายทักษิณ นับว่าจะเป็นยุคที่การต่างประเทศไทยกลับมาโดดเด่นและวัดกันด้วยผลลัพธ์อีกครั้ง” นายนพดล กล่าว