เมื่อวันที่ 21 เม.ย. ที่อาคารอนาคตใหม่ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวถึงข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในขณะนี้ ว่า เราเห็นความวุ่นวายที่จะปรับ ครม. ลองตามข่าวดูว่า ไม่ได้มีเนื้อหาสาระว่าจะปรับ ครม. เพื่อปฏิบัติหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น หรือปรับ ครม. เพื่อแก้ไขปัญหาอย่างหนึ่งอย่างใดให้กับประชาชน แต่ปรับ ครม. ครั้งนี้ เอาอกเอาใจ บริหารความพึงพอใจพรรคร่วมรัฐบาล โดยไม่ได้เอาปัญหา หรือความทุกข์ร้อนของประชาชนให้ผาสุกมาเป็นตัวตั้ง แต่เชื่อว่า ณ วันนี้เลยจุดนั้นไปแล้ว ที่จะทำให้พรรคร่วมรัฐบาล กลับมาปรองดอง สมานฉันท์ทำงานร่วมกันต่อไป เพราะมีร่องรอยไม่ว่าจะเป็นร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. … เป็นรอยร้าวรุนแรงมาก พรรคเพื่อไทยในฐานะแกนนำจัดตั้งรัฐบาล จะกระชับอำนาจในการดึงกระทรวงสำคัญกลับมาดูเอง ทำให้รอยร้าวของพรรคร่วมขยายตัวในระดับรุนแรงขึ้น
“นี่แหละถึงบอกว่า การตั้งรัฐบาลของพรรคร่วมรัฐบาลชุดนี้ เป็นการติดกระดุมเม็ดแรกที่ผิด ไม่ได้เอาประชาชนมาเป็นโจทย์ที่จะแก้ แต่เอาดีลที่ทำไว้กับผู้มีอำนาจหลังม่าน กลุ่มทุนศักดินาที่ได้ประโยชน์เป็นตัวตั้ง มองประชาชนรอคอยผลประโยชน์ ผลพลอยได้เท่านั้น การปรับ ครม. ล้วนไม่มีประชาชนเป็นตัวหลักในสมการเลย พยายามเกี้ยเซียะ กวนน้ำที่เสียแล้วให้กลับมาพอไปได้ นี่คือต้นตอของปัญหา” นายวิโรจน์ กล่าว
เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่ว่าอาจผลักดันพรรคภูมิใจไทยมาเป็นฝ่ายค้าน นายวิโรจน์ กล่าวว่า ยังไม่เคยได้ยิน เรื่องนั้นเป็นเรื่องของฝ่ายรัฐบาล แต่เรายืนยันว่า พรรคประชาชนไม่ร่วมรัฐบาลในสมัยนี้แน่นอน โดยเราทำหน้าที่ของเราต่อไป ส่วนการปรับ ครม. เป็นหน้าที่นายกฯ ซึ่งปัญหาอยู่ที่ว่าการอภิปรายซักฟอกรัฐบาลเกิดขึ้นตอนที่ยังไม่เจอกรณีมาตรการภาษีตอบโต้จากสหรัฐอเมริกา แต่ตอนนี้ประเทศเราเผชิญหน้ากับพลวัต และการเปลี่ยนไปมาของมาตรการภาษีสหรัฐ ท้ายที่สุดแล้วจะเป็นอย่างไร ในสถานการณ์ลักษณะนี้กระทบเศรษฐกิจโดยตรง ต้องการภาวะผู้นำอย่างมากของคนเป็นผู้นำประเทศ คือ นายกฯ แต่เรายังไม่เห็นตรงนั้น เรายังไม่เห็นภาวะผู้นำของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และไม่เอาปัญหาที่ประเทศเผชิญหน้า มาเป็นโจทย์หลักในการปรับ ครม. เลย