สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงเทพ ประเทศไทย เมื่อวันที่ 21 เม.ย. ว่า สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นโอดีซี) ระบุในรายงานว่า เครือข่ายอาชญากรออนไลน์ดังกล่าว ซึ่งเกิดขึ้นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ได้พัฒนาเป็นอุตสาหกรรมระดับโลกที่ซับซ้อน

“แม้รัฐบาลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะเข้มงวดกับการปราบปราม แต่กลุ่มอาชญากรได้ย้ายถิ่นฐานไปทั้งภายในและนอกภูมิภาค ซึ่งทำให้พวกเขาสามารถเคลื่อนไหวได้ตามต้องการ” รายงานอธิบาย

นายจอห์น วอยซิก นักวิเคราะห์ประจำภูมิภาคของยูเอ็นโอดีซี กล่าวว่า อาชญากรรมนี้ “แพร่กระจายเหมือนมะเร็ง” เมื่อมีการปราบปรามในพื้นที่หนึ่ง รากเหง้าของมันไม่เคยหายไป เพราะเหล่าอาชญากรก็แค่ย้ายถิ่นฐาน

หลังทางการจีน ไทย และเมียนมา ร่วมกันปราบปรามกลุ่มอาชญากรออนไลน์ บริเวณชายแดนระหว่างไทยกับเมียนมา ด้วยวิธีการที่รวมถึงตัดกระแสไฟฟ้า เชื้อเพลิง และอินเทอร์เน็ต อย่างไรก็ตาม บรรดาแก๊งอาชญากรได้ปรับตัว และย้ายฐานปฏิบัติการไปยังพื้นที่ห่างไกล

การบุกค้นในพื้นที่บางส่วนของกัมพูชา ซึ่งเป็นจุดที่มองเห็นได้ชัดเจน นำไปสู่การขยายตัวไปยังพื้นที่ห่างไกล รวมถึงจังหวัดเกาะกง ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ ตลอดจนพื้นที่ติดกับและเวียดนาม และพื้นที่ส่วนอื่นของเมียนมา

นอกจากนั้น อาชญากรขยายกิจการไปยังอเมริกาใต้ เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือกับกลุ่มค้ายาในอเมริกาใต้ ด้านการฟอกเงินและธนาคารใต้ดิน และในแอฟริกา รวมทั้งแซมเบีย แองโกลา และนามิเบีย รวมถึงในยุโรปตะวันออก และจอร์เจีย

เครือข่ายธุรกิจมืดเหล่านี้ สามารถกระจายกำลังคนอย่างรวดเร็ว และรับคนจากหลายสิบสัญชาติ เมื่อไม่นานมานี้ พลเมืองจากมากกว่า 50 ประเทศ ตั้งแต่บราซิลไปจนถึงไนจีเรีย ศรีลังกา และอุซเบกิสถาน ได้รับการช่วยเหลือระหว่างการปราบปราม ที่ชายแดนไทย-เมียนมา.

เครดิตภาพ : AFP