เมื่อวันที่ 22 เม.ย. ที่รัฐสภา นายสรชาติ วิชย สุวรรณพรหม สว. ฐานะกรรมาธิการวิสามัญ (กมธ.) พิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์) วุฒิสภา กล่าวถึงการนัดประชุม กมธ. นัดแรกในวันที่ 23 เม.ย. ว่า ขณะนี้ยังไม่มีการกำหนดตัวบุคคลว่าใครจะได้รับเลือกให้เป็นประธาน กมธ. ทั้งนี้มีกระแสด้วยว่าอาจจะให้คนนอกเป็นประธาน กมธ. แต่บางกระแสบอกว่าเป็นคนใน เป็น สว. ทั้งนี้ยังไม่มีข้อสรุปอย่างเป็นทางการ ต้องให้ที่ประชุมที่จะหารือนัดแรกหารือกัน ซึ่งจะมีการนัดพูดคุยนอกรอบเวลาประมาณ 09.00 น. ก่อนที่จะถึงเวลาประชุมที่นัดหมายเวลา 10.30 น. อย่างไรก็ดี ตนเชื่อว่าการทำงานของ กมธ. จะไม่มีปัญหาอะไร เพราะเป็นการทำงานเชิงวิชาการ ไม่เกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. … ที่เสนอต่อสภา และมีความเห็นแตกต่างกัน
“ยืนยันว่าเป็นการศึกษาในประเด็นเศรษฐกิจ สังคม เพื่อนำเสนอต่อรัฐบาล ทั้งนี้การศึกษานั้นไม่ได้กำหนดว่ารัฐบาลต้องทำตาม แต่ผลการศึกษาของ สว. นั้น เชื่อว่าจะได้รับความเชื่อถือ เพราะไม่ได้เกี่ยวกับการกำหนดนโยบายของรัฐบาลหรือฝ่ายการเมือง ส่วนผลการศึกษาที่ สส.เคยทำมานั้นไม่ได้รับความเชื่อถือเพราะเข้าลักษณะชงเองกินเอง” นายสรชาติ กล่าว
เมื่อถามว่าการทำงานของ กมธ. มีคนระบุว่าเป็นเกมการเมือง เช่น นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สว. ที่มองว่ามีการตั้งธงศึกษาไว้แล้ว นายสรชาติ กล่าวว่า นพ.เปรมศักดิ์ ลาออกจาก กมธ.แล้ว คงไม่เกี่ยวข้องกัน ทั้งนี้ตนไม่อยากให้มองว่าเป็นเกมการเมือง เพราะการตั้งกมธ.วิสามัญขึ้นมาศึกษานั้นเป็นไปตามข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา ที่เป็นการศึกษาทางวิชาการ ซึ่งยอมรับว่าผลการศึกษาที่จะได้อาจไม่ตรงกับการผลักดัน เช่น การศึกษาของสภา ต้องการให้ปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวกับสถานบันเทิงครบวงจร ที่มีมาตั้งแต่ พ.ศ. 2509 ซึ่งจัดประเภทต่างๆ ไว้ แต่กลับพบว่ามีการเสนอร่างกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ที่พ่วงกาสิโน
เมื่อถามถึงความเป็นไปได้ต่อการเสนอให้หัวหน้าพรรคการเมืองร่วมประชุม กมธ.เพื่อแสดงจุดยืนต่อร่างกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ที่พ่วงกาสิโน นายสรชาติ กล่าวว่า เรื่องการศึกษานี้ไม่เกี่ยวข้องกับพรรคการเมือง อีกทั้งตอนที่ตนเสนอญัตติให้วุฒิสภาพิจารณาตั้ง กมธ.ไม่ได้กำหนดหลักการดังกล่าวไว้ ดังนั้นจึงเสนอประเด็นศึกษานอกหลักการไม่ได้ ซึ่งความเห็นว่าเอาหรือไม่เอา ร่างพ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เป็นคนละเรื่องไม่เกี่ยวกับการศึกษา.