ไม่รู้ว่าเป็นเพราะบรรยากาศการเมืองไทยทวีความร้อนแรง บวกกับสารพัดเรื่องราวรุมเร้ารัฐบาลและพรรคเพื่อไทยหรืออย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระแสงงงงข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) จึงทำให้ผู้นำ Gen Y อย่าง “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ถึงกับยกคำสอนธรรมะมาตอบคำถามของผู้สื่อข่าว ว่า “ใดๆในโลกล้วนอนิจจัง ไม่ว่าตำแหน่งทุกอย่างหรือแม้แต่ตำแหน่งของนายกฯ ก็เช่นกัน ไม่ใช่แค่ตำแหน่งของใครคนใดคนหนึ่ง ตำแหน่งของนายกฯก็เช่นกัน เพราะฉะนั้นเราก็ทำใจให้นิ่งไว้

แม้เบื้องต้นดูเหมือนพูดเพื่อสยบข่าวคราวสูตรการปรับครม. แต่ก็น่าคิดว่านี่อาจสะท้อนถึงความรู้สึกลึกๆของ “แพทองธาร” ทั้งในการดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทยใกล้จะครบ 2 ปี และการเป็นหัวหน้ารัฐบาล “อิ๊งค์ 1” บริหารประเทศนาน 7 เดือน ต้องเจอสารพัดเหตุการณ์ถาโถมเข้ามาไม่หยุด

เพราะนับตั้งแต่รัฐบาลผสมที่มี “เพื่อไทย” เป็นแกนนำ ครองอำนาจมากว่า 2 ปี ตั้งแต่ยุค “นายกฯเศรษฐา ทวีสิน” ต่อเนื่องมาถึงปัจจุบันยุค “นายกฯแพทองธาร” ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเรื่องเดียวกับที่ทำให้เห็นชัดๆ คือการแจกเงินสด 10,000 บาทให้กลุ่มผู้พิการ ผู้สูงอายุ และคนที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ไม่ตรงปกกับสิ่งที่พรรคเพื่อไทยประกาศในการหาเสียงเลือกตั้งและการเริ่มเข้าบริหารประเทศ คือ “นโยบายเติมเงินดิจิทัลให้ประชาชนคนละ 10,000 บาท ผ่านระบบดิจิทัลวอลเล็ต” โดยโฆษณาใหญ่โตว่าจะสร้างพายุหมุนทางเศรษฐกิจ แต่เมื่อเริ่มเดินหน้าจริง กลับถูกแปรสภาพเป็นการโอนเงินสด และยังไร้วี่แววพายุที่ว่านั้นจะก่อตัวได้สักที

ขณะที่นโยบายอีกหลายเรื่องก็ไม่คืบหน้าเท่าที่ควร อาทิ โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งเพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ เพื่อเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน หรือ “แลนด์บริดจ์” การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำรายวัน 400 บาททั่วประเทศ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทก็ได้แค่บางสาย

อีกทั้ง การพยายามผลักดันเรื่องใหญ่ที่“รัฐบาลอิ๊งค์” ชูว่าจะช่วยเสริมสร้างเศรษฐกิจ อย่างร่างพระราชบัญญัติ (...) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.. … หรือ “เอ็นเตอร์เทนเมนท์ คอมเพล็กซ์” ที่มี “กาสิโน” อยู่เนื้อใน ขณะนี้ก็ต้องหยุดชะงัก เพราะหลายฝ่ายออกมาต่อต้านอย่างหนัก แถมถูกโยงเกี่ยวไปถึงเกมการเมืองภายในพรรคร่วมรัฐบาลที่สปอตไลท์จับจ้อง 2 พรรคใหญ่ “เพื่อไทยภูมิใจไทย”

เศรษฐกิจของประเทศยังไร้วี่แววจะฟื้นตัวได้สักที สินค้าการเกษตรราคาตกต่ำ ยิ่งทำให้ประชาชนยังเรียกร้องการแก้ปัญหาปากท้องมากที่สุด แม้จะมีมาตรการบรรเทาพิษเศรษฐกิจ ก็ยังไม่มีประสิทธิภาพ เกาไม่ถูกที่คัน

ซ้ำไทยโดนมาตรการของ “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ตั้งกำแพงภาษีสินค้านำเข้า ส่งผลกระทบวงกว้างต่อผู้คนในบ้านเรา ขณะเดียวกันกำลังเผชิญแรงกดดันจากสหรัฐฯ และจีน

ทั้งผู้นำและทั้งครม.เจอปัญหามากมายรุมเร้า และยังไม่มีผลงานออกมาสร้างคะแนนนิยมต่อตัว “นายกฯอิ๊งค์” และคณะ จึงเกิดคำถามจากบางส่วนว่า นอกจากจะปรับทัพครม.แล้ว เปลี่ยนตัวนายกฯด้วยได้หรือไม่

นี่อาจเป็นคำตอบของการยกธรรมะที่ว่า “ใดๆในโลกล้วนอนิจจัง” ข่มใจตนแล้วเดินหน้าสู้ต่อทางการเมือง.