จากกรณีตึกสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ( สตง.) แห่งใหม่ ถล่มเมื่อวันที่ 28 มี.ค.ที่ผ่านมา ตอนนี้ก็จะครบ  1 เดือนแล้ว  ยังได้เห็นความอัปลักษณ์ที่ซ่อนอยู่ในตึกแห่งนี้หลายอย่าง เรื่องที่สำคัญและน่าพูดถึงมากที่สุดคือ “ทุนจีนเทาใช้นอมินีในการจดทะเบียนบริษัทมารับงานรัฐ” พอจะหาผู้รับผิดชอบ ต้องยุ่งยาก ต้องไปไล่หาทั้งต่างด้าวผู้จดทะเบียน และบรรดานอมินีกันยกใหญ่

เรื่องตึก สตง. ถือเป็นหนึ่งปัญหาที่มาจาก“นอมินี”ต่างชาติเข้ามาหาประโยชน์ในเมืองไทย ก่อนหน้านี้ก็มีมาเรื่อยๆ เช่น ที่ประจานกันว่า คอนโดมีเนียมบางแห่ง มีผู้ซื้อที่น่าจะเป็นต่างด้าว แล้วก็ปล่อยให้ต่างด้าวเช่าจนรบกวนผู้อยู่อาศัย กระทำการขัดต่อ พ.ร.บ.โรงแรม  เมื่อมีการร้องเรียนไปก็เหมือนไฟไหม้ฟาง คือตื่นตัวกันแป๊บๆ แล้วสุดท้ายก็เหมือนเดิม 

นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ปชน.) ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กไว้น่าสนใจ เกี่ยวกับเรื่อง “นอมินีและศูนย์เหรียญ” ว่า ศูนย์เหรียญ ก็คือการที่กลุ่มทุนจีนกลุ่มหนึ่งที่เรียกว่า “จีนเทา” เข้ามาสูบผลประโยชน์จากไทย โดยที่ประเทศของเราแทบจะไม่ได้อะไรเลย ภาษีก็เก็บได้น้อยมากๆ 

พวกนี้ทำแบบนี้ได้ เพราะความเชื่อที่ว่า ประเทศไทย ขอให้มีเงินติดสินบนข้าราชการให้มากพอ จ่ายให้ถูกตัว ใบอนุญาตอะไรก็ขอได้ ทำผิดกฎหมายอย่างไรก็ไม่ถูกดำเนินคดี พวกนี้จะตั้ง “บริษัทศูนย์เหรียญ” โดยมีชาวจีนถือหุ้น ร้อยละ  49 อีกร้อยละ51 ก็เอานอมินีคนไทยมาถือหุ้นส่วนหนึ่ง แล้วเอาบริษัทศูนย์เหรียญ มาทำธุรกรรมต่างๆ ในประเทศไทย 

โดยพยายามทำให้การรับรู้ว่ารายได้ส่วนใหญ่เกิดขึ้นที่บริษัทแม่ที่ประเทศจีน แล้วก็บริหารให้บริษัทลูกที่เป็นบริษัทศูนย์เหรียญมีกำไรต่ำมากๆ หรือขาดทุน เมื่อขาดทุนทางบัญชี ก็จะไม่ต้องเสียภาษีรายได้นิติบุคคลในประเทศไทย หรือทัวร์ศูนย์เหรียญ คือทัวร์จีนราคาถูกที่กินอยู่  ซื้อของกับกิจการศูนย์เหรียญ เงินไม่กระเด็นมาไทยแม้แต่สลึงเดียว

นอกจากนี้ยังมีบริษัทศูนย์เหรียญที่มีหลายหน้าที่ เป็นทางระบายสินค้าจากบริษัทแม่ที่ประเทศจีน ทุ่มตลาด ขายสินค้าแบบตัดราคา จนผู้ประกอบการที่เป็นคนไทยขายสู้ไม่ได้ ผู้รับเหมาศูนย์เหรียญ ก็ใช้วัสดุก่อสร้างเกือบแทบทั้งหมดนำเข้าจากประเทศจีน วิศวกรก็ใช้วิศวกรจีน เข้ามาทำงานกับผู้รับเหมาศูนย์เหรียญผ่านวีซ่านักศึกษา ของมหาวิทยาลัยศูนย์เหรียญ 

และยังมีโรงงานศูนย์เหรียญ แถมยังไปขอรับการยกเว้นภาษีจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เบื้องหน้าเอาเครื่องจักรมาผลิตพอเป็นพิธี แต่เงื่อนไขที่ต้องใช้วัตถุดิบภายในประเทศ BOI ไม่เคยมาตรวจ นอกจากนี้ยังมีการฟอกเงินแบบศูนย์เหรียญ เอาเงินสกปรกไปซื้อธุรกิจที่มีมูลค่าสินทรัพย์สูง หรือธุรกิจสร้างกระแสเงินสดได้อย่างรวดเร็ว 

สิ่งที่ถูกซื้อเพื่อการนี้ เช่น โรงแรม รีสอร์ท ร้านอาหาร และบริษัทขนส่ง เป็นต้น จากนั้นก็ให้กิจการเหล่านั้นตั้งราคาขายแบบตัดราคา เพื่อสร้างกระแสเงินสดให้เร็วที่สุด โดยไม่ต้องสนใจกำไรหรือขาดทุน เพราะมีเงินสกปรกคอยหมุนมาให้ฟอกต่อเนื่อง  คนที่เดือดร้อนที่สุด ก็คือ ผู้ประกอบการไทยที่เจอกับการขายตัดราคาอย่างต่อเนื่อง 

นายวิโรจน์ เสนอแนวทางการแก้ไขศูนย์เหรียญว่า ต้องยกระดับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ให้มีเจ้าหน้าที่ ระบบคอมพิวเตอร์ที่เพียงพอต่อการตรวจสอบการใช้นอมินีเป็นคนไทย แต่ปัจจุบันมีเจ้าหน้าที่ทำหน้าที่นี้ไม่ถึง 10 คน ต้องให้ BOI มีกำลังเจ้าหน้าที่ตรวจสอบกิจการที่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี ว่าได้ปฏิบัติตามเงื่อนไข BOI หรือไม่ 

สุดท้าย ก็คือ ป... จะต้องเร่งสืบสวนสอบสวน เอาผิดกับเจ้าหน้าที่ที่ทุจริต รับสินบนจากกลุ่มจีนเทา หรือกลุ่มทุนศูนย์เหรียญต่างๆ แล้วคอยรับใช้เอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุนเหล่านี้ให้ตัวตามอำเภอใจอยู่เหนือกฎหมายได้” เจ้าหน้าที่ไทยต้องเอาจริงโชว์ให้เห็นบ้าง ไม่อย่างนั้นคนไทยก็หันไปเชื่อถือ“คนดีที่ไม่มีอำนาจรัฐ” กันหมด

การฟื้นความเชื่อมั่นให้การเมือง-ราชการที่ดีที่สุด คือการมีแอคชั่นให้ไวเมื่อพบปัญหาทุจริต คอร์รัปชั่น ไม่ใช่ดึงเช็งด้วยคำว่า “ไม่นิ่งนอนใจ กำลังเรียกเอกสาร” .