เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 27 เม.ย.สำนักโฆษกนำคณะสื่อมวลชนลงพื้นที่จังหวัดนครพนม ติดตามงานสำคัญด้านการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและแหล่งท่องเที่ยวเชิงศาสนา โดยจุดแรกวัดพระธาตุประสิทธิ์ อำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม เป็นหนึ่งในสถานที่แหล่งท่องเที่ยวทางศาสนาที่สำคัญอย่างยิ่งของจังหวัดนครพนม จากนั้นเยี่ยมชมกลุ่มศิลปาชีพทอผ้าไหมบ้านท่าเรือ ตำบลท่าเรือ อำเภอน้าหว้า โครงการศิลปาชีพตามแนวพระราชดำริผ้าไทยใส่ให้สนุก ฟังการบรรยายนิทรรศการแสดงประวัติความเป็นมา ของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ด้วยแนวพระดำริ Sustainable Fashion:แฟชั่นแห่งความยั่งยืน”สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา
โอกาสนี้ คณะสื่อมวลชนเข้าชมกระบวนการผลิต การออกแบบลายผ้า และการดำเนินงานทอผ้าไหมย้อมสีธรรมชาติ สำหรับนำไปตัดเสื้อศรีโคตรบูรณ์ ของคณะรัฐมนตรี(ครม.)ที่จะสวมใส่ในการเข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่(ครม.สัญจร)ครั้งที่ 2/2568 ในวันที่ 29 เม.ย.นี้ ทอโดยกลุ่มศิลปาชีพทอผ้าไหมบ้านท่าเรือ ตำบลท่าเรือ อำเภอนาหว้า ตามโครงการนาหว้าโมเดล ซึ่งเป็นผ้าไหม ย้อมสีธรรมชาติจากคราม (สีคราม) และครั่ง (สีแดง) ตกแต่งด้วยผ้าไหมมัดหมี่ลายขอก่ายแก้ว ซึ่งเป็นผ้าลายสร้างสรรค์จากโครงการ นาหว้าโมเดล ย้อมเส้นไหม ในการก่อหม้อคราม จะใช้ใบกันเกรา ที่เป็นต้นไม้ประจำจังหวัดนครพนม และใบหูกวาง นำมาต้มสกัดสีและนำมาใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตน้ำด่างธรรมชาติ ซึ่งจะใช้ในกระบวนการก่อหม้อย้อมครามต่อไป
จากนั้นเวลา 14.30 น. สำนักโฆษกนำคณะสื่อมวลชนลงพื้นที่ด่านศุลกากรนครพนม ศึกษาดูงานการดำเนินงานด่านศุลกากรนครพนมโดยด่านศุลกากรนครพนม มีจุดผ่านแดนถาวรทั้งหมด 2 แห่ง คือ 1) สะพานมิตรภาพ 3 (นครพนม – คำม่วน) ปัจจุบันเป็นจุดหลักในการนำเข้า – ส่งออกของสินค้าทุกประเภท และการข้ามแดนของประชาชนโดยทั่วไป เปิดทำการตั้งแต่เวลา 06.00 น. ถึง 22.00 น. ทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ 2) จุดผ่านแดนถาวรอำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม (ด่านท่าเทียบเรือเทศบาลเมืองนครพนม) ปัจจุบันเป็นจุดข้ามแดนของประชาชนไทยและลาว เนื่องจากทางฝั่ง สปป.ลาว ยังมีสถานะเป็นเพียงด่านท้องถิ่น โดยเปิดทำการตั้งแต่เวลา 08.00 น. ถึง 18.00 น. ทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ ส่วนของจุดผ่อนปรนการค้า มีทั้งหมด 4 แห่ง ได้แก่ จุดผ่อนปรนการค้าท่าเทียบเรืออำเภอบ้านแพง จุดผ่อนปรนการค้าอำเภอท่าอุเทน จุดผ่อนปรนการค้าบ้านหนาดท่า อำเภอเมืองนครพนม และจุดผ่อนปรนการค้าอำเภอธาตุพนม
สำหรับสถานการณ์การค้าชายแดน มูลค่าการค้าชายแดนของด่านศุลกากรนครพนมในปีงบประมาณ 2568 (6 เดือนแรก) มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 42,909 ล้านบาท โดยมีสินค้าที่นำเข้าสูงสุด 5 อันดับแรก คือ 1.พลังงานไฟฟ้า จาก สปป. ลาว มีมูลค่า 2,566 ล้านบาท 2.แบตเตอรี่ จากประเทศจีน มีมูลค่า 1,811 ล้านบาท 3.ปุ๋ยเคมี จาก สปป. ลาว มีมูลค่า 1,779 ล้านบาท 4.โทรศัพท์มือถือ จากประเทศจีน มีมูลค่า 972 ล้านบาท และ 5.ของอื่น ๆ ทำด้วยพลาสติก จากประเทศจีนมีมูลค่า 920 ล้านบาท
ส่วนสินค้าที่ส่งออกสูงสุด 5 อันดับแรกในปีงบประมาณ 2568 (6 เดือนแรก) คือ 1.ผลไม้สด (ทุเรียน มังคุด ลำไย ตามลำดับ) ปลายทางที่ประเทศจีน มีมูลค่า 5,977 ล้านบาท 2.เครื่องดื่มบำรุงกำลัง ปลายทางที่ประเทศเวียดนาม มีมูลค่า 4,956 ล้านบาท 3.โค กระบือมีชีวิต ปลายทางที่เวียดนาม มีมูลค่า 2,516 ล้านบาท 4.ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ปลายทางที่ สปป.ลาว มีมูลค่า 1,498 ล้านบาท และ 5.แผงวงจรไฟฟ้า ปลายทางที่ประเทศจีน มีมูลค่า 591 ล้านบาท
โอกาสนี้ สื่อมวลชนได้รับฟังรายงานสถิติการเดินทางเข้า-ออกราชอาณาจักรผ่านด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพ 3 และด่านท่าเทียบเรือเทศบาลเมืองนครพนม ในปี 2567 มีจำนวนผู้เดินทางเข้า-ออกรวมทั้งสิ้น 1,145,386 ราย ขณะที่ในปี 2568 (1 มกราคม-24 เมษายน) มีจำนวนผู้เดินทางรวม 401,073 ราย สะท้อนถึงบทบาทสำคัญของจังหวัดนครพนมในฐานะประตูเชื่อมโยงการสัญจรและการค้าชายแดนระหว่างไทยกับ สปป.ลาว
จากนั้น คณะสื่อมวลชนได้เดินทางต่อไปยังสะพานมิตรภาพ 3 (นครพนม–คำม่วน) เพื่อติดตามการปฏิบัติพิธีการนำเข้า-ส่งออกสินค้าของรถบรรทุก การดำเนินพิธีการศุลกากรเข้า-ออกชั่วคราวของรถยนต์ส่วนบุคคล ตลอดจนการตรวจสอบสัมภาระด้วยระบบเอ็กซ์เรย์สัมภาระผู้โดยสาร โดยมีการบูรณาการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันการลักลอบขนสิ่งผิดกฎหมาย.