เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 29 เม.ย. ที่จังหวัดนครพนม น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางถึงหอประชุมอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง มหาวิทยาลัยนครพนม ตำบลนาราชควาย อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม เพื่อเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 2/2568 หรือ ครม.สัญจร โดยนายกฯ มีสีหน้าสดใสมากขึ้น ภายหลังเมื่อวันที่ 28 เม.ย. มีอาการอิดโรยระหว่างลงพื้นที่

โดยทางจังหวัดได้จัดเตรียมเสื้อ “ชุดศรีโคตรบูร” ให้แก่ ครม. ทั้งนี้ เสื้อชุดศรีโคตรบูร ถูกตัดเย็บด้วยผ้าไหมพื้นเรียบสีกรมท่าย้อมคราม ขลิบด้วยผ้าไหมพื้นเรียบสีแดง (ย้อมครั่ง) ตกแต่งด้านหน้าด้วยผ้าไหมมัดหมี่ “ลายขอก่ายแก้ว” สื่อถึงความเจริญรุ่งเรืองและความมั่นคง ทอโดยกลุ่มศิลปาชีพทอผ้าไหมบ้านท่าเรือ อำเภอนาหว้า ภายใต้มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพพิเศษฯ และโครงการ “นาหว้าโมเดล” ตามแนวพระราชดำริสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา นอกจากนี้ ยังได้เตรียมกระเป๋ากกสานลายเกล็ดพญานาค สื่อถึงองค์พญาศรีสัตตนาคราช ผู้ปกปักรักษาเมืองนครพนม และลิ้นจี่นครพนม พันธุ์ นพ.1 ขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) มอบให้เป็นที่ระลึก

โดยก่อนการประชุม นายกฯ เยี่ยมชมนิทรรศการผลิตภัณฑ์สินค้าของจังหวัดนครพนม พร้อมอุดหนุนผ้าลายสิริราชพัสตราภรณ์ กระเป๋ากกสาน และผ้าไหมลายประยุกต์แบบใหม่จากร้าน OTOP ยังได้รับชมการแสดงของหมอแคน ก่อนที่หมอแคนได้มอบแคนให้นายกฯ เป็นที่ระลึก จากนั้นชมสาธิตการทำเรือไฟจากกาบกล้วย นอกจากนี้ ยังได้รับฟังความคืบหน้าโครงการจัดตั้งคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนครพนม และยังมีกลุ่มนักศึกษามามอบดอกกุหลาบให้กำลังใจนายกฯ จากนั้นนายกรัฐมนตรี ถ่ายภาพร่วมกับคณะรัฐมนตรี ผู้ว่าราชการจังหวัดกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 2 และผู้แทนภาครัฐ

นายกฯ กล่าวก่อนประชุมว่า วันนี้เรามาประชุม ครม.สัญจร ที่จังหวัดนครพนม เมื่อวันที่ 28 เม.ย. ที่ผ่านมา รัฐมนตรีได้ลงพื้นที่หลายท่าน ต้องขอบคุณมากๆ กระจายกันไปรับฟังปัญหาของประชาชน ไปตรวจเยี่ยมโครงการต่างๆ เห็นรูปเมื่อคืนอาจจะยังเจอกันไม่ครบ แต่ได้เห็นจากรูปถ่ายในสไลด์ เห็นทุกท่านได้ไปลงพื้นที่กันหลายที่ ก็ต้องขอขอบคุณมาก เรื่องแรกดิฉันไปเยือนกัมพูชาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และไปกับรัฐมนตรีบางท่าน ถือเป็นโอกาสความสัมพันธ์ทางการทูตไทยกับกัมพูชา ครบรอบความสัมพันธ์ 75 ปี ได้มีการหารือพูดคุยกันในหลายประเด็น โดยเฉพาะประเด็นเรื่องการปราบปรามอาชญากรรมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ระหว่างชายแดน โดยทั้ง 2 ประเทศยืนยันร่วมมือกัน ฉะนั้นหัวข้อนี้เป็นหัวข้อสำคัญในการไปติดต่อกับหลายประเทศที่ยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดคุย เพื่อขอความร่วมมือ

นายกฯ กล่าวต่อว่า การใช้กรอบความร่วมมือภูมิภาค โดยเฉพาะอาเซียน ในการสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ เพื่อมีอำนาจต่อรองทางการค้ากับประเทศมหาอำนาจ ท่ามกลางกระแสการแข่งขันทางเศรษฐกิจและความไม่แน่นอนการบังคับใช้นโยบายภาษีของสหรัฐอเมริกา ส่งผลกระทบต่อการส่งออกการค้าและการส่งออกของหลายประเทศ ผู้นำหลายประเทศในอาเซียน เช่น มาเลเซีย กัมพูชา ได้มีการหารือกันในเรื่องนี้ และมีความเห็นตรงกันว่าประเทศสมาชิกในอาเซียน ควรร่วมมือกันเจรจาและต่อรอง โดยใช้จุดแข็งของแต่ละประเทศ หาข้อได้เปรียบในภาพรวม ซึ่งจะทำให้ผลการเจรจาต่อรองไม่ใช่ของประเทศใดประเทศหนึ่ง แต่เป็นของอาเซียนด้วยกัน เช่น จุดแข็งด้านทรัพยากรธรรมชาติ เชื่อมโยงเครือข่ายการขนส่ง ศักยภาพของทรัพยากรมนุษย์

“ดิฉันจึงขอให้กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง คณะทำงานด้านนโยบายและการค้าของสหรัฐอเมริกา รับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่าย และรวบรวมมาตรการที่จะเป็นจุดแข็งของอาเซียน เพื่อจะใช้ในการเจรจาต่อรองต่อไป สุดท้ายนี้ไทยและกัมพูชา จัดการประชุมร่วมกันกับนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการ (Joint Cabinet Retreat: JCR) ระหว่าง 2 ประเทศที่จังหวัดสระแก้ว เพื่อหาแนวทางการแก้ปัญหาระหว่างชายแดนร่วมกัน 2 ประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ PM 2.5 และเรื่องของยาเสพติด ทั้งนี้ คาดว่าจะเกิดขึ้นภายในเดือน ก.ค. 2568 จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการ เพื่อประสานความร่วมมือเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของทั้ง 2 ประเทศ” นายกฯ กล่าว

นายกฯ กล่าวอีกว่า การบริหารจัดการน้ำของจังหวัดสกลนครและจังหวัดนครพนม จากการที่ได้ลงพื้นที่เมื่อวันที่ 28 เม.ย. ที่ผ่านมา พบว่ายังมีปัญหาอยู่มาก และยังมีการบูรณาการติดตามงานตามแบบแผนที่ได้วางไว้ ต้องทำให้การบริหารจัดการน้ำ การอุปโภคและบริโภคสำหรับการเกษตร และการป้องกันน้ำท่วมน้ำแล้ง ตอนนี้ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ดีเท่าที่ควร มีหลายโครงการที่เกิดขึ้น มีการอนุมัติแล้วตั้งแต่ปี 2563 แต่ถือว่าดำเนินการได้น้อย ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูในเรื่องกระบวนการ ซึ่งถ้ามีเรื่องของรายละเอียดอะไรก็ขอให้ติดต่อกับเลขาฯ นายกฯ ได้ ในเรื่องรายละเอียดมีบางโครงการติดในเรื่องของข้อกฎหมาย ซึ่งอาจจะมีจากหลายกระทรวงก็ขอให้เร่งทำ ซึ่งงบประมาณได้อนุมัติไปแล้วตั้งแต่ปี 2568 แต่มีการขยับงานน้อยมาก เมื่อวันที่ 28 เม.ย. ที่ผ่านมา ไปดูงานขยับแค่ 5% มันหลายปีมาก เลข 5% มันน้อยมาก ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยดู และเร่งทำตรงนี้ให้ดี หากมีเรื่องเอกสารอะไรที่ติดขัด ก็ขอให้ความร่วมมือด้วย และขอให้นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดีอี รวมกับทางสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เร่งรัดติดตามโครงการต่างๆ ให้แล้วเสร็จตามแผนที่วางไว้ เพื่อให้ประชาชนทั้ง 2 จังหวัดนี้ และจังหวัดอื่นๆ ในพื้นที่ภาคอีสาน ไม่ต้องประสบปัญหาน้ำท่วมต่อไป

 

นายกฯ นำประชุม ครม.สัญจรนครพนม

“อย่างงบประมาณที่เสร็จตั้งแต่ปี 2563 ถ้าเราเร่งได้เร็วสักครึ่งหนึ่ง การลดปัญหาน้ำแล้งจะเห็นได้อย่างชัดเจน ขอให้ทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้องดูเรื่องน้ำท่วม ว่าติดที่อะไร งบประมาณที่ผ่านไปแล้ว ช่วยเอามาคลี่คลายกันหน่อย ว่าสามารถดำเนินการได้เร็วได้แค่ไหน” นายกฯ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับเมนูอาหารที่จัดเลี้ยง ครม. ประกอบด้วย ต้มส้มไก่บ้านใบมะขาม ฉู่ฉี่ปลาเนื้ออ่อน ก๋วยเตี๋ยวเนื้อ ก๋วยเตี๋ยวหมู (ร้านนำพร) ปากหม้อเวียดนาม (ร้านปากหม้อแม่ลาน) ลาบปลาคัง (ร้านเป๋นปลาเป็น) ตำลาว (ร้านอีสานรีเวอร์) ข้าวเหนียวไก่ย่าง (ร้านสามอนงค์) พุดดิ้งหม้อแกง (ร้านเทียนขวัญ) สับปะรดท่าอุเทน ลิ้นจี่พันธุ์ นพ.1 (GI)  ขนมเทียนสลัดงา กาละแม (ร้านพรประเสริฐ) ฯลฯ จากร้านอาหารขึ้นชื่อต่าง ๆ ในท้องถิ่น

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ขณะรัฐมนตรีที่มีชื่อถูกปรับออกตามกระแสข่าวเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้เข้าร่วมประชุม ครม.สัญจร มีเพียงรัฐมนตรี 6 คน ที่แจ้งลาประชุม ได้แก่ 1.นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน 2.นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง 3.นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.การต่างประเทศ 4.นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ 5.นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม และ 6.นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รมช.พาณิชย์