เมื่อเวลา 12.55 น. วันที่ 29 เม.ย. ที่มหาวิทยาลัยนครพนม จ.นครพนม นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีนายกรัฐมนตรีเดินทางเยือนกัมพูชา เมื่อวันที่ 23-24 เม.ย. ที่ผ่านมา ว่า ในการเดินทางไปประเทศกัมพูชา รัฐบาลไทยและกัมพูชา ได้มีการติดตามงานสำคัญ คือ การก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา แห่งแรก โดยสร้างอยู่ที่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ข้ามจากฝั่งไทยไปกัมพูชา และที่น่าสนใจคือ ผู้รับก่อสร้างเป็นทั้งบริษัทของคนไทยและกัมพูชาด้วย ส่วนเรื่องแรงงานจะใช้ที่ไหนอย่างไร อย่างใน กทม. หรือแต่ละจังหวัดก็ใช้แรงงานต่างด้าวอยู่แล้ว ส่วนคนไทยไม่ค่อยทำงานกรรมกร

นายจิรายุ กล่าวว่า นอกจากนี้มีการพูดคุยถึงเรื่องทางหลวงในพื้นที่ จ.จันทบุรี ซึ่งที่ตรงนั้นเป็นแนวระนาบที่จะข้ามไปฝั่งกัมพูชาได้ หรือเรียกว่าทางหลวงหมายเลข 68 ซึ่งทั้งหมดนี้ไม่ใช่สาระสำคัญว่าใครจะเป็นผู้ก่อสร้าง แต่ผลคือการขนถ่ายสินค้าข้ามไปยังประเทศกัมพูชา และสินค้าที่เราซื้อขายกันค่อนข้างมาก เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลใจ เพราะสะพานมิตรภาพมีหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา สะพานมิตรภาพไทย-ลาว เป็นต้น เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลใจ ไม่ว่าจะเป็นประเทศไหนก็แล้วแต่ จะใช้แรงงานที่ใด ก็ถือเป็นสิทธิและเสรีภาพของผู้จ้าง 

เมื่อถามว่าโซเชียลมีเดียมีการแชร์ว่า รัฐบาลไทยจะเป็นผู้ออกเงินดูแลทั้งหมด ความจริงเป็นอย่างไร นายจิรายุ กล่าวว่า การออกเงินหรือไม่ออกเงิน ต้องดูว่าผลที่เราได้มีประโยชน์แบบใด ถ้าหากเราไปมองจุดเล็กๆ ว่าทำไมเราต้องออกเงินสร้างให้กับประเทศนั้น ประเทศนี้ แต่พอสร้างไปแล้ว เช่น ลงทุน 100 แต่สินค้าที่เขาซื้อขายจากเราได้เป็น 1,000 เพราะปกติประเทศไทยได้ดุลการค้าจากประเทศกัมพูชา การทำสะพานไม่ว่าใครจะก่อสร้าง จะใช้เงินฝั่งไทยหรือใช้เงินฝั่งกัมพูชา สินค้าที่ส่งออกไปมีมูลค่ามาก ถ้าเขาไม่ให้สร้าง ช่องทางมันแคบ เราก็ส่งสินค้าไปได้น้อย เพราะฉะนั้นบางทีอย่าไปมองเล็กๆ ให้มองเรื่องใหญ่ๆ หลายประเทศเขาไม่อยากให้สร้างสะพานด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะทำอะไรก็แล้วแต่ มันต้องวินวินระหว่างกัน เขาก็ได้เราก็ได้ประโยชน์ พี่น้องประชาชนทั้งสองประเทศก็ได้ ไม่ต้องกังวลใจไปมาก