หลายคนชอบดื่มเหล้า เบียร์ หรือ ไวน์ เล็กน้อยระหว่างมื้ออาหารเย็นเป็นประจำ โดยเฉพาะกลุ่มเพื่อนวัยกลางคน และผู้สูงอายุจำนวนไม่น้อย เพื่อช่วยคลายความเหนื่อยล้า กล่อมให้นอนหลับสบาย และเสริมการไหลเวียนโลหิต

แต่คุณเคยฉุกคิดหรือไม่ว่า การดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำทุกเย็นนั้น แท้จริงแล้วกำลังบั่นทอนสุขภาพของคุณอย่างเงียบๆ?

ดื่ม…หรือ…ไม่ดื่ม? เส้นทางชีวิตที่แตกต่าง

ข้อมูลล่าสุดจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นระยะเวลานาน มีแนวโน้มที่จะมีอายุขัยสั้นกว่า ผู้ที่ไม่ดื่ม 5-8 ปี เลยทีเดียว!

เท่านั้นยังไม่พอ ผลการศึกษาวิจัยในปี 2023 โดยศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งประเทศจีน (China CDC) ยังระบุว่า ผู้ชายที่ดื่มแอลกอฮอล์มากกว่า 25 กรัมต่อวัน มีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากทุกสาเหตุเพิ่มขึ้นถึง 20%

และที่น่าเศร้าใจยิ่งกว่านั้น งานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสารทางการแพทย์ชื่อดังอย่าง The Lancet ของอังกฤษ ได้ออกมาตอกย้ำว่า ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับ “การดื่มพอประมาณดีต่อสุขภาพ” นั้น…ไม่มีอยู่จริง! แม้คุณจะดื่มไวน์เพียงเล็กน้อยแค่วันละ 1 ออนซ์ ก็ยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งและโรคตับได้

อย่าหลงเชื่อคำกล่าวอ้างของผู้สูงอายุบางคนที่บอกว่า “ดื่มแล้วอายุยืน” เพราะเคล็ดลับอายุยืนของพวกท่านเหล่านั้น มักมาจากปัจจัยทางพันธุกรรมที่ดี และทัศนคติเชิงบวก มากกว่าจะเป็นผลมาจากการดื่มแอลกอฮอล์

สิ่งที่คุณคิดว่า “ช่วยไหลเวียนโลหิต”…อาจกำลัง “กัดกร่อน” เลือดของคุณ!

หลายคนเชื่อว่า การดื่มแอลกอฮอล์จะช่วยให้เลือดลมไหลเวียนดีขึ้น ซึ่งเป็นความจริงเพียงบางส่วนในระยะสั้น แอลกอฮอล์อาจทำให้หลอดเลือดขยายตัว รู้สึกอุ่นสบายตัว แต่ในมุมมองแพทย์แผนจีน กลับมองว่า “แอลกอฮอล์ส่งเสริมการไหลเวียนโลหิตได้… แต่ก็ทำลายเลือดได้เช่นกัน!”

การดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ จะทำให้หลอดเลือดต้องขยายและหดตัวซ้ำๆ เปรียบเสมือนหนังยางที่ถูกดึงยืดอยู่ตลอดเวลา จนสูญเสียความยืดหยุ่นไปในที่สุด เมื่อเวลาผ่านไป ภาวะเลือดคั่งก็จะถามหา นำไปสู่อาการวิงเวียนศีรษะ ชาตามมือตามเท้า และความดันโลหิตไม่คงที่

ขณะเดียวกัน การแพทย์แผนตะวันตกก็ยืนยันว่า กระบวนการเผาผลาญแอลกอฮอล์ในร่างกายนั้น ต้องดึงวิตามินบีจากตับมาใช้ ซึ่งส่งผลกระทบต่อระบบการสร้างเม็ดเลือด คุณอาจคิดว่าการดื่มไวน์เล็กน้อยทุกวันจะช่วย “ล้างหลอดเลือด” แต่ในความเป็นจริง คุณอาจกำลัง “สูบ” พลังงานและเลือดในร่างกายของคุณออกไปโดยไม่รู้ตัว!

ดื่มแอลกอฮอล์ประจำ ตับ “ทำงานหนัก” ราวกับกรรมกร!

เมื่อแอลกอฮอล์เข้าสู่ร่างกาย ผ่านกระเพาะอาหาร ตับจะเป็นอวัยวะหลักที่ต้องรับหน้าที่กำจัดแอลกอฮอล์ถึง 90% และตับสามารถประมวลผลได้เพียง 10 กรัมต่อชั่วโมง นั่นหมายความว่า ตับของคุณต้องทำงานอย่างต่อเนื่องหลายชั่วโมง เพื่อกำจัดแอลกอฮอล์ออกจากร่างกาย และหากคุณดื่มเป็นประจำทุกวัน ตับของคุณก็แทบจะไม่ได้พักผ่อนเลย ไม่ช้าก็เร็ว ปัญหาสุขภาพตับก็จะตามมาอย่างแน่นอน

วงจรอันตรายที่หลายคนมองข้ามคือ “ไขมันพอกตับเล็กน้อย → ตับอักเสบจากแอลกอฮอล์ → ตับแข็ง → มะเร็งตับ” นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงกับผู้ป่วยจำนวนมากที่ประมาท คิดว่า “ดื่มนิดหน่อยคงไม่เป็นไร” สุดท้ายกลับต้องเผชิญกับภาวะตับวายในวัยเพียง 50 กว่าปี ผิวคล้ำ ท้องมาน (อาการบวมน้ำจากภาวะตับแข็ง) ซึ่งถึงตอนนั้น…มันสายเกินแก้!

กระเพาะอาหารไม่ใช่เหล็กกล้า… แอลกอฮอล์คือ “สารกัดกร่อน” ที่ร้ายกาจ!

แอลกอฮอล์มีฤทธิ์ระคายเคืองต่อเยื่อบุกระเพาะอาหาร ในระยะสั้นอาจกระตุ้นความอยากอาหาร แต่ในระยะยาวจะทำให้ผนังกระเพาะอาหารบางลง จนนำไปสู่โรคกระเพาะ และแผลในกระเพาะอาหาร ผู้สูงอายุหลายคนที่ติดการดื่ม มักจะรู้สึกไม่อยากอาหารหากไม่ได้ดื่ม ซึ่งแท้จริงแล้วเป็นผลมาจากกระเพาะอาหารที่ถูกแอลกอฮอล์ทำลาย จนไม่สามารถทำงานได้ตามปกติหากไม่มีสิ่งกระตุ้น
ที่น่ากังวลยิ่งกว่านั้นคือ แอลกอฮอล์ยังรบกวนสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้ ทำให้การดูดซึมสารอาหารลดลง หลายคนที่ดื่มเหล้ามาเป็นสิบปี กินอาหารมากมายแต่กลับผอมซูบลงเรื่อยๆ ไม่ใช่เพราะ “เหล้ากลายเป็นกล้ามเนื้อ กระดูก และเนื้อ” แต่เป็นเพราะร่างกายไม่สามารถดูดซึมสารอาหารใดๆ ได้เลย

คิดว่าดื่มแล้ว “หลับสบาย”…แต่ความจริงคือ “การนอนหลับปลอมๆ”!

หลายคนเชื่อว่าการดื่มแอลกอฮอล์เล็กน้อยก่อนนอนจะช่วยให้หลับได้ดีขึ้น แต่ในความเป็นจริง แอลกอฮอล์จะรบกวนการนอนหลับในระยะหลับลึก (Deep Sleep) ภายนอกอาจดูเหมือนว่าหลับได้เร็ว แต่จะตื่นง่ายในช่วงกลางดึก และรู้สึกอ่อนเพลียมากขึ้นในวันรุ่งขึ้น หากทำเช่นนี้เป็นประจำ ระบบประสาทของคุณจะทำงานผิดปกติมากขึ้นเรื่อยๆ จนไม่สามารถนอนหลับได้หากไม่ได้ดื่ม และในที่สุดก็จะกลายเป็นภาวะติดแอลกอฮอล์

ในมุมมองของการแพทย์แผนจีน “แอลกอฮอล์มีฤทธิ์ชื้นและร้อน” เวลากลางคืนเป็นช่วงเวลาของหยิน (ความสงบ) คุณควรควบคุมและผ่อนคลายจิตใจ แต่การดื่มแอลกอฮอล์กลับเป็นการเพิ่มพลังหยาง (ความกระตุ้น) เมื่อเวลาผ่านไป จะทำให้เกิดภาวะหยินพร่อง ไฟกำเริบ ส่งผลให้เกิดปัญหาการนอนไม่หลับ เหงื่อออกตอนกลางคืน และหงุดหงิดง่าย

ความดันโลหิต น้ำตาลในเลือด กรดยูริก…ไม่มีใครรอดพ้น!

ความดันโลหิต: แอลกอฮอล์จะทำให้หลอดเลือดขยายตัวในระยะแรก และหดตัวในระยะต่อมา ความดันโลหิตจึงเหมือนรถไฟเหาะตีลังกา และในระยะยาว ภาวะความดันโลหิตสูงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยาก

น้ำตาลในเลือด: กระบวนการเผาผลาญแอลกอฮอล์จะรบกวนการทำงานของตับในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขณะท้องว่าง อาจทำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำได้ และการดื่มเป็นประจำจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวาน

กรดยูริก: แอลกอฮอล์มีฤทธิ์ยับยั้งการขับกรดยูริกออกจากร่างกาย ผู้ป่วยโรคเกาต์จะทราบดีว่า เพียงแค่ดื่มแอลกอฮอล์เพียงเล็กน้อย ก็อาจทำให้เกิดอาการปวดข้อกำเริบได้นานถึง 2-3 วัน

แอลกอฮอล์อาจไม่ใช่ยาพิษร้ายแรง แต่หากคุณดื่มเป็นประจำวันละแก้ว 2 แก้ว ร่างกายของคุณก็จะค่อยๆ ถูกทำลาย โรคภัยไข้เจ็บหลายชนิดไม่ได้เกิดขึ้นในชั่วข้ามคืน แต่เป็นการสะสมปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ไปเรื่อยๆ จนวันหนึ่งก็ปะทุขึ้นมา

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่คุ้นเคยกับการดื่มแอลกอฮอล์ตอนเย็นหรือก่อนนอนเป็นประจำ แม้จะแค่เล็กน้อย วันละ 1-2 แก้ว เราไม่ได้แนะนำให้คุณเลิกดื่มทันที แต่ขอเสนอแนวทางดังนี้:

อย่าดื่มขณะท้องว่าง: ควรหาอะไรรองท้องก่อนเสมอ

ควบคุมความถี่: อย่าดื่มทุกวัน ให้ตับได้มีเวลาพักบ้าง

สังเกตสัญญาณร่างกาย: หากใบหน้าเริ่มหมองคล้ำ รู้สึกอึดอัด หรือนอนหลับไม่สนิท ให้ลดปริมาณการดื่มลงทันที

ที่มาและภาพ : sohu, freepik