เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 30 เม.ย. ที่กองบัญชาการกองทัพไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกน และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมสภากลาโหมครั้งที่ 4 ประจำปี 2568 ถึงนโยบายฟรีวีซ่านักท่องเที่ยว ทำให้เกิดการก่ออาญากรรมในประเทศไทย ว่า ต้องดูว่าเป็นข้อเท็จจริงเพียงใด กรณีที่มีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาแล้วมาก่อคดีต่าง ๆ ในประเทศไทย ให้ว่ากันไปตามกฎหมาย และไม่มีผลเสียอะไร เพราะไม่ได้เกิดขึ้นจากความไม่ปลอดภัยในประเทศเรา แต่เกิดจากคนของเขาเอง ส่วนที่มีความกังวลว่า จะมีเรื่องประเด็นการตัดอวัยวะขายนั้น ปัจจุบันยังไม่มีกรณีดังกล่าว 

เมื่อถามถึงกรณีชายแต่งตัวคล้ายสารวัตรทหารรับอีเวนต์จีนนั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า ได้ทราบข่าวแล้ว แต่ทราบว่าเกิดขึ้นตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2567 แต่เป็นข่าวในช่วงนี้ แต่ในทางปฏิบัติได้สั่งการไปเรียบร้อยแล้ว ให้ตรวจสอบ ทั้งนี้หน่วยที่เกี่ยวข้องกับสารวัตรทหาร มีอยู่ 3 หน่วย คือ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม กองบัญชาการทัพไทย และกองบัญชาการกองทัพบก ตนได้รับรายงานว่า จากการตรวจสอบขั้นต้น ไม่มีคำสั่งให้สารวัตรทหารออกไปปฏิบัติภารกิจดังกล่าว เนื่องจากการไปปฏิบัติภารกิจเช่นนี้ต้องมีคำสั่งออกมา ดังนั้นจึงต้องไปดูว่า เขาไปดำเนินการในลักษณะส่วนบุคคลหรือไม่ ซึ่งอยู่ระหว่างตรวจสอบ หากพบว่ามี ก็ต้องปฏิบัติไปตามระเบียบกฎหมาย ซึ่งได้สั่งการไปแล้ว แต่หากเป็นการแต่งกายเลียนแบบ ผิดกฎหมายอาญาแน่นอน

เมื่อถามว่า เราปล่อยปละละเลยให้กลุ่มคนจีนใช้ประเทศไทยเป็นฐาน หลอกขายตรงให้คนจีน โดยใช้หน่วยงานข้าราชการ เช่น การแต่งตัวคล้ายสารวัตรทหาร ซึ่งเรื่องเกิดตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2567 นายภูมิธรรม กล่าวว่า เราไม่ได้ปล่อยให้เขาทำ และเรื่องนี้ไม่มีใครทราบ แต่เมื่อมีการหยิบยกขึ้นมาพูดในโซเชียลมีเดีย ก็ดำเนินการอย่างเคร่งครัด 

เมื่อถามย้ำว่าการฟรีวีซ่า เป็นช่องโหว่ที่ให้คนประเภทนี้เข้ามาก่อเหตุ ในขณะที่เจ้าหน้าที่รัฐหละหลวม นายภูมิธรรม กล่าวว่า ฟรีวีซ่าถือเป็นเครื่องมืออย่างหนึ่ง เปิดให้คนเข้ามาท่องเที่ยว สร้างเม็ดเงินทางเศรษฐกิจ ยอมรับว่าทุกอย่างไม่มีอะไรเป็นบวกอย่างเดียว ก็มีสิ่งที่ต้องจ่าย ส่วนที่มีคดีต่างๆ เกิดขึ้น เป็นเพียงส่วนเดียว เราก็จะดำเนินการตามกฎหมาย ไม่ได้หมายความว่านักท่องเที่ยวเข้ามาแล้วทำเช่นนั้นหมด 

เมื่อถามอีกว่าปัจจุบัน ประเทศเรามีปัญหาเกี่ยวกับคนจีนที่เข้ามาหาผลประโยชน์หลายอย่าง เช่น กรณีผู้ว่าฯ ปราจีนบุรี ตั้งคนจีนเป็นที่ปรึกษา นายภูมิธรรม กล่าวยืนยันว่า มาตรการฟรีวีซ่า เป็นการฟื้นฟูกระตุ้นการท่องเที่ยว และเป็นเป้าหมายที่เหมาะสมถูกต้อง เมื่อมีกระบวนการเกิดขึ้น ซึ่งยอมรับว่าเกิดขึ้นได้อยู่แล้ว แต่เราไม่ได้นิ่งเฉย หรือละเลย พยายามดำเนินการแก้ไขปัญหาเต็มที่อีกครั้ง ในประเทศอื่นก็มีเช่นกัน กรณีนักท่องเที่ยวไปก่อคดี ไม่ใช่เรื่องผิดแปลก ซึ่งรัฐบาลใส่ใจเรื่องนี้ เพราะเป็นแผ่นดินไทย เราต้องดูแลความปลอดภัยคนในประเทศของเรา ซึ่งตนมองว่าเรื่องที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องที่เกิดปกติ ไม่ใช่เรื่องอะไรที่พิเศษหรือน่ากังวลใจ ส่วนจะมีแนวโน้มปรับลดจำนวนวันฟรีวีซ่า จากเดิม 60 วัน หรือไม่นั้น ตนจะรับไปให้หน่วยที่เกี่ยวข้องพิจารณา.