ต่อมาเวลา 14.00 น. วันที่ 30 เม.ย. 68 ที่รัฐสภา ภายหลังการประชุมคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (กมธ. ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร ที่ใช้เวลากว่า 4 ชั่วโมง
นายธีรัจชัย พันธุมาศ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะโฆษก กมธ.ป.ป.ช. แถลงว่า เป็นการเข้าชี้แจงของ นายมณเฑียร เจริญผล ผู้ว่าการ สตง. ครั้งแรก ได้รับคำตอบชัดเจน โดย กมธ. พุ่งเป้าติดตาม 3 ประเด็นคือ 1.การออกแบบ 2.การจัดซื้อจัดจ้าง 3.การควบคุมงาน โดยในส่วนการออกแบบ กมธ. สอบถาม สตง. ถึงการเลือกแบบเฉพาะ แทนที่จะประมูลแบบก่อสร้างตามมาตรา 83 พ.ร.บ.ประกวดแบบจัดซื้อจัดจ้าง ผู้ว่าการ สตง. ระบุว่า เป็นตึกที่มีความซับซ้อน มีประกาศกฎกระทรวงรองรับไว้ ซึ่ง กมธ. ตั้งข้อสังเกตว่ามีการใช้ระยะเวลาแค่ 1 เดือน ในการเลือกแบบก่อสร้าง ขณะที่การจัดซื้อจัดจ้างใช้ระบบอีบิดดิ้ง หรือการประมูลงานทางอิเล็กทรอนิกส์ ในปี 2563 แม้ลดราคาไป 300 ล้านบาท ทั้งที่ปี 2562 บริษัทแม่ที่รับก่อสร้างตึก สตง. เคยมีปัญหาก่อสร้างสะพานในประเทศชิลี แล้วเกิดเหตุถล่ม เป็นข่าวแพร่ไปทั่วโลก แต่เหตุใด สตง. ยังใช้บริษัทนี้ก่อสร้าง และยังเป็นบริษัทที่เพิ่งจดทะเบียนในไทยแค่ 1 ปีเท่านั้น

นายธีรัจชัย กล่าวว่า ขณะที่การควบคุมงานใช้ระบบคัดเลือก ไม่ใช่อีบิดดิ้ง หากมีการฮั้วของบริษัทออกแบบ บริษัทควบคุมงาน และบริษัทก่อสร้าง ที่แก้ไขแบบโดยนัดแนะกันก่อน ทราบว่ามีการแก้ไขแบบ 9 ครั้ง ขอตั้งข้อสังเกตว่า การแก้ไขแบบก่อสร้างดังกล่าวเป็นการลดต้นทุนหรือไม่ และจะมีผลกระทบอะไรที่ตามมา ผู้แก้ไขแบบได้สอบถามคณะกรรมการควบคุมงาน สตง. หรือไม่ รวมถึงการควบคุมงานของวิศวกรที่ถูกปลอมลายเซ็นนั้น ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ต้องตรวจสอบ ขณะเดียวกันได้ตั้งข้อสังเกตถึงการตรวจสอบวัสดุก่อสร้างของคณะกรรมการควบคุมการก่อสร้างจาก สตง. ว่า ถ้ามีการฮั้วจริง อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ ถ้าเป็นลักษณะนี้ กระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง การควบคุมงาน การออกแบบ อาจยังไม่ละเอียดพอ ทั้งหมดนี้เป็นการบกพร่องโดยสุจริตหรือไม่ หรือถูกต้องโดยทุจริตหรือไม่ การตรวจสอบของ กมธ. จะโยงไปถึงเจ้าหน้าที่ สตง. และการก่อสร้างทุกขั้นตอน อยากให้ ป.ป.ช. เข้าไปตรวจสอบภายในเพิ่มเติม เพราะ สตง. ไม่ใช่หน่วยงานรัฐทั่วไป จะใช้ระเบียบทั่วไปไม่ได้
ด้านนายมณเฑียร เจริญผล ผู้ว่าการ สตง. กล่าวว่า ประเด็นที่มีอยู่ขณะนี้คือ การออกแบบ ที่ถูกระบุว่า ออกแบบไม่มีการเซ็นรับรอง จึงได้นำเอกสารมาให้ กมธ. ดูว่า สตง. ได้ถามไปยังบริษัทผู้ออกแบบแล้ว บริษัทผู้ออกแบบยืนยันว่า คนที่เซ็นรับรองยังทำงานอยู่กับบริษัทออกแบบอยู่ ส่วนบุคคลที่อ้างว่าไม่ได้เซ็นควบคุมงานนั้น มีวิศวกรอยู่ 2 ประเภทคือ วิศวกรที่ปรึกษากับวิศวกรควบคุมงาน โดยวิศวกรควบคุมงานต้องมาคุมงาน แต่วิศวกรที่ปรึกษาไม่จำเป็นต้องมาควบคุมงาน แต่ต้องรับรองเอกสาร บุคคลที่ตกเป็นข่าวคือ วิศวกรที่ปรึกษาที่ไม่ต้องมาคุมงาน แต่เอกสารที่จะเซ็นรับในฐานะบริษัทผู้คุมงาน ต้องผ่านการรับรองของวิศวกรที่มีวุฒิวิศวกรโยธา พร้อมมอบข้อมูลทั้งหมดให้ กมธ. พร้อมให้ทุกหน่วยงานของรัฐบาล กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พนักงานสอบสวน ตรวจสอบทั้งหมด ทั้งนี้เป็นปกติของตึกขนาดใหญ่ที่ต้องมีการแก้ไขแบบ แต่จะต้องดำเนินตามหลักกฎหมายและวิศวกรรม

นายมณเฑียร กล่าวต่อว่า กรณีตึก สตง. เมื่อจ้างคนออกแบบ และคนก่อสร้างเห็นว่า การก่อสร้างขัดกับแบบ ก็มีการเสนอผ่านผู้ควบคุมงาน แต่เมื่อผู้ควบคุมงานเห็นว่า ต้องมีการปรับแบบ จึงต้องส่งไปให้คนออกแบบพิจารณาว่า แบบที่ออกไว้ขัดต่อกฎหมาย ขัดหลักวิศวกร หรือขัดต่อการทำงานหรือไม่ เมื่อบริษัทออกแบบเซ็นรับรองแก้ไข ทางผู้คุมงานก็ต้องมาเซ็นรับรองด้วย ดังนั้นเมื่อเห็นชอบแก้ไขแบบตามที่ปรับแก้แล้ว ผู้ก่อสร้างก็เอาไปก่อสร้างตามแบบที่แก้ไข เป็นไปตามสัญญาและข้อกฎหมาย รวมถึงเรื่องปล่องลิฟต์ก็เป็นไปอย่างถูกต้อง ส่วนกรณีที่นายสมเกียรติ ชูแสงสุข ที่อ้างว่าถูกนำชื่อไปเป็นวิศวกรผู้ควบคุมงานนั้น นายมณเฑียร กล่าวยืนยันว่า ชื่อนายสมเกียรติ เป็นวิศวกรผู้ควบคุมงาน ไม่เคยเปลี่ยน มีชื่อรับรองแต่แรก วิศวกรแต่ละคนต้องมีหนังสือยินยอมว่า จะมารับผิดชอบงานนี้ตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่มีเอกสารการเปลี่ยนแปลง จึงต้องยึดตามเอกสารนี้ การที่นายสมเกียรติบอกว่าไม่รับรู้ด้วย ก็ต้องไปดำเนินคดีกัน
“ขอยืนยันว่า ผลการตรวจสอบจะเป็นอย่างไร สตง. รับได้หมด ใครผิดว่าไปตามกฎหมาย เรื่องฮั้วหรือนอมินี เราเอาเอกสารให้ดีเอสไอแล้ว ตอนนี้กำลังสอบเอกชนอยู่ สตง. พร้อมให้ความร่วมมือกับดีเอสไอ ถ้าพบว่าเป็นความผิดของใคร ไม่ว่าข้าราชการ สตง. หรือเอกชน จะดำเนินคดีถึงที่สุด ไม่มีเว้น” ผู้ว่าการ สตง. กล่าว
นายมณเฑียร ยังกล่าวถึงเสียงวิจารณ์ สตง. ใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีราคาสูงในการออกแบบตึก สตง. ว่า กรณีที่เป็นข่าวเป็นครุภัณฑ์ที่อยู่ระหว่างการออกแบบ แต่จะเป็นครุภัณฑ์จริงๆ ได้ ต้องก่อสร้างเสร็จ และนำมาใช้ หลังก่อสร้างเสร็จต้องดูว่ามีความเหมาะสมตามแบบราชการหรือไม่ ซึ่งปัจจุบันแบบของ สตง. ได้มีการลดเงิน ส่วนเรื่องฝักบัวราคากว่าหมื่นบาท เก้าอี้ห้องประชุมตัวละ 90,000 บาทนั้น สตง. มีเจ้าหน้าที่ 2,400 คน เก้าอี้ตัวละ 1-2 หมื่นบาท การสร้างบริษัท โดยปกติจะกำหนดว่า ชั้นสูงเป็นพื้นที่ผู้บริหาร ครุภัณฑ์จะออกแบบตามฐานะ เก้าอี้แพงมีเพียงชุดเดียวคือเก้าอี้ประธาน และเก้าอี้กรรมการในห้องประชุม หลายคนเข้าใจว่าเจ้าหน้าที่ สตง. ทุกคนต้องนั่งเก้าอี้ตัวละ 90,000 บาท แต่ความจริงไม่ใช่ ไปดูรายละเอียดกรมบัญชีกลางได้ เจ้าหน้าที่เกินร้อยละ 80 นั่งเก้าอี้ปกติ ส่วนฝักบัวนั้น ปัจจุบันทุกบริษัทต้องมีห้องน้ำ ไปดูแบบฝักบัวมีอยู่ 2 แบบ เมื่อทำจริงเอาทั้ง 2 แบบมารวมกัน ฝักบัวจึงแพง ผู้ออกแบบได้เสนอราคาครุภัณฑ์มา ส่วน สตง. มีหน้าที่ดูว่าเหมาะสมหรือไม่ ขอย้ำว่าเป็นขั้นตอนการออกแบบ ไม่ใช่ขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้าง
เมื่อถามว่า มีห้องฉายภาพยนตร์ในอาคารสำนักงาน สตง. ด้วย นายมณเฑียร กล่าวว่า ขอย้ำว่าเป็นห้องประชุม หลังห้องประชุมจะเขียนว่าเป็นห้องแบบใด เช่น ห้อง class room ห้อง theater ไม่มีห้องฉายภาพยนตร์ เป็นลักษณะห้องประชุม สตง. ไม่มีห้องดูหนัง.