เมื่อเวลา 14.20 น. วันที่ 1 พ.ค. ที่โรงแรมรอยัล ออคิด เชอราตัน ริเวอร์ไซด์ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม และ พล.อ.เตีย เซ็ยฮา รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ราชอาณาจักรกัมพูชา ในฐานะประธานคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (จีบีซี) กัมพูชา-ไทย และคณะ โดยได้ร่วมประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 17 ที่ประเทศไทย โดยภายหลังการประชุม นายภูมิธรรม แถลงผลประชุม ว่า วันนี้เป็นการประชุมจีบีซี ครั้งที่ 17 โดยเป็นการร่วมมือกัน และปีนี้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของชายแดนที่พูดคุยกัน ว่าจะร่วมมือการแก้ไขปัญหาอย่างไร อีกทั้งการแก้ไขปัญหาหมอกควัน การแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้มีการพูดคุยกับทางกัมพูชาว่า เราได้มีการตั้งหน่วยขึ้นมา โดยมีจเรตำรวจเป็นผู้ดูแล และเป็นคนที่ตนส่งไปที่กัมพูชาเพื่อร่วมมือกัน และขอความร่วมมือคุยกับทางทหารและผู้บัญชาการตำรวจของประเทศเขา จนเป็นที่มาของการส่งตัวคนไทยที่อยู่ในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 200 คน กลับมาที่ประเทศไทย 

นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า มีการพูดคุยในเรื่องของการพยายามที่จะให้ชายแดนร่วมมือกันทางด้านเศรษฐกิจและระมัดระวังในเรื่องของการแก้ไขปัญหาที่อาจจะมีเรื่องกระทบกันบ้าง แต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไร ซึ่งเมื่อวานนี้ (30 เม.ย. 2568) มีการทานข้าวกับทาง ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ประเทศไทยและประเทศกัมพูชา และวันนี้ก็มีการพูดคุยกับทางด้านผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) ร่วมกัน โดยมีบรรยากาศค่อนข้างดี และคิดว่าจะรักษาความเข้มแข็งของเราเพื่อที่จะรับแรงความท้าทายใหม่ที่จะเกิดขึ้นในโลกนี้ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของระเบียบการค้าของโลก ตนคิดว่าการพูดคุยกันและร่วมมือกันเป็นหนึ่งเดียว จะช่วยทำให้ความเข้มแข็งในภูมิภาคของเราดียิ่งขึ้น

เมื่อถามว่าในที่ประชุมทั้งสองฝ่ายเห็นชอบที่จะดำเนินการตามแผนปฏิบัติการลดและปราบปรามปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ออนไลน์ สแกม) โดยแผนเชิงรุกทั้ง 5 ด้านนั้น ได้มีการประเมินผลมากน้อยเพียงใดใ นการที่จะกลับมาทบทวนอีกครั้ง นายภูมิธรรม กล่าวว่า ในขณะนี้เรื่องการปราบปรามออนไลน์ เราได้ตั้งศูนย์ประสานงานในการจัดการเรื่องนี้ระหว่างไทยกับกัมพูชา โดยให้ทางจเรตำรวจ เป็นผู้อำนวยการในการควบคุมส่วนนี้และส่งประสานงานเช่นกัน โดยก่อนหน้าที่จะมีการส่งตัวคนไทยที่อยู่ในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 200 คน กลับมาที่ประเทศไทย ตนได้ส่งจเรตำรวจเดินทางไปประเทศกัมพูชา และได้พบกับทางฝ่ายผู้บัญชาการตำรวจของประเทศกัมพูชาและฝ่ายมหาดไทยของประเทศกัมพูชา จนได้มีการกวาดล้างจับกุมและส่งคนไทยกลับมายังประเทศ ซึ่งตรงนี้ก็เป็นความร่วมมือกัน และยังดำเนินการอยู่เหมือนเดิม ในขณะนี้หากจะพูดถึงเรื่องชายแดน เราไม่อยากจะนำเสนอในเรื่องที่เป็นปัญหาอย่างเดียว เพราะเราได้มีการพูดคุยในเรื่องของการร่วมมือกันด้วย เช่น พิษหมอกควัน ฝุ่น PM 2.5 ก็มีการตกลงว่าจะร่วมมือกันแก้ไข อีกทั้งยังตกลงว่าจะร่วมกันแก้ไขหากมีเหตุการณ์ที่เป็นภัยเกิดขึ้นต่าง ๆ ในระหว่างทั้งสองส่วน ก็จะสามารถส่งกำลังสนับสนุนให้ซึ่งกันและกันได้ ส่วนในกรณีที่มีปัญหาอีกหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ก็ต้องเป็นเรื่องที่เราต้องตกลงร่วมกัน เพราะมันเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย

เมื่อถามเพิ่มเติมว่ากรณีในเรื่องของการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐอเมริกา ในที่ประชุมได้มีการเห็นชอบในหลักการเบื้องต้นเป็นพิเศษหรือไม่ ว่าจะจับมือร่วมกันในแนวทางไหน นายภูมิธรรม กล่าวว่า ในเวทีนี้ยังไม่ได้พูดคุยถึงปัญหาเรื่องนี้ แต่ก็มีการพูดคุยกันว่ามีความจำเป็นในการที่ภูมิภาคนี้ ควรจะต้องกันจับมือกัน เพราะเราเผชิญกับภัยความท้าทายใหม่ เช่น ภัยสงครามการค้า ภัยที่เกิดขึ้นระหว่างมหาอำนาจรัฐ จึงคิดว่าเราควรรวมกันเป็นหนึ่งเดียว จึงสามารถทำให้สร้างอำนาจต่อรอง และทำให้เกิดประโยชน์กับภูมิภาคนี้ด้วยกันเพราะคนเอเชียด้วยกันมีวัฒนธรรมคล้ายกัน