เมื่อวันที่ 2 พ.ค. น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน โพสต์ภาพข่าวพร้อมระบุข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ว่า ต่อจาก ตึกร้าง 2,600 ล้าน ของ กสทช. ดิฉันก็ได้รับข้อมูลมาอีกเป็นตั้ง คิดนานมากว่าจะเล่ายังไงดี เพราะเรื่องนี้มันเล่ายาก เลยขอเล่ามันดิบ ๆ ไปเลยละกัน ความเละเทะใน กสทช. อำนาจและความอิสระที่กฎหมายให้ไปเพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติ แต่กลับกลายเป็นผู้มีตำแหน่งแห่งที่ในองค์กรลุแก่อำนาจและจับมือฮั้วกันขายตัวรับใช้กลุ่มทุน บี้คนทำงานให้ตายคามือ โดยไม่เห็นหัวประชาชนไม่สนประโยชน์ของประเทศชาติ

น.ส.รักชนก ระบุต่อว่า ทุกท่านทราบหรือไม่ว่า สำนักงาน กสทช. ไม่มี “เลขาธิการ” ตัวจริงมาเป็นเวลาจะ 5 ปีแล้ว ถ้าเทียบความสำคัญ อำนาจ และมูลค่า ให้เข้าใจง่าย ๆ คือ ถ้าบริษัทหมื่นล้านไม่มี CEO ตัวจริงบริหารงาน จะมีปัญหาไหม ? ตำแหน่งเลขาธิการ กสทช. ใหญ่ขนาดไหน ก็เอาเป็นว่าต้องดูแลบุคลากร 2,000 คนในสำนักงาน ดูแลผลประโยชน์หลายหมื่นล้านของประเทศชาติ ภายใต้การกำกับของบอร์ด กสทช. แต่ทุกวันนี้ประเทศไทยกลับไม่มีเลขาธิการ กสทช. ตัวจริง คนที่อยู่ในตำแหน่งเป็นเพียงรักษาการ แต่รักษาการกันอีท่าไหนไม่รู้ เป็นมาแล้ว 4 ปี 10 เดือน ระยะเวลายาวนานเกือบเท่าวาระของเลขาธิการ กสทช. ไปแล้ว เรื่องนี้มีปัญหามากในเชิงความรับผิดรับชอบ เพราะรักษาการมีอำนาจเต็มเทียบเท่าตัวจริง แต่กลับไม่ต้องรับผิดรับชอบใด ๆ อย่างเลขาธิการตัวจริง เช่น ไม่ต้องแจกแจงบัญชีทรัพย์สินกับ ป.ป.ช. และบอร์ด กสทช. ไม่สามารถประเมินงานเพื่อปลดออกจากตำแหน่งได้ นี่คือช่องว่างทางกฎหมายที่คนพวกนี้เล็งเห็นและช่วงใช้

น.ส.รักชนก ระบุต่อว่า รักษาการเลขา กสทช. คนปัจจุบัน คือ นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล ซึ่งตำแหน่งของเค้าจริง ๆ คือ รองเลขา กสทช. ตามกฎหมายคนที่จะประเมินงานของรองเลขา คือ เลขาธิการ ดังนั้นเมื่อรองเลขานั่งทับตำแหน่งเลขาไว้ ก็เสมือนว่าเค้าเป็นผู้บังคับบัญชาตัวเองซึ่งมันมีความลักลั่น ตามกฎหมายหากเป็นเลขาธิการแล้วทำงานไม่ได้เรื่อง บอร์ดสามารถเสนอบรรจุวาระพิจารณาโดยใช้เสียง 2 ใน 3 ให้พ้นออกจากตำแหน่งได้ แต่ก็อีกนั่นแหละ คนที่มีอำนาจตัดสินใจบรรจุวาระใดหรือไม่บรรจุวาระใดเข้าพิจารณาในบอร์ดคือประธาน กสทช. แต่เพียงผู้เดียว หากประธานไม่บรรจุวาระ ชาตินี้ยันชาติหน้าก็ไม่ต้องพิจารณาเรื่องนี้กันล่ะ

น.ส.รักชนก ระบุต่อว่า ความน่ากลัวของโครงสร้างอำนาจที่บิดเบี้ยวนี้คือ สมมุตินะคะสมมุติ สมมุติว่าประธาน กสทช. กับ เลขา กสทช. เป็นพวกเดียวกัน ฮั้วกัน รู้เห็นกันหมดทุกอย่าง องค์กรนี้ก็จะเสมือนว่ากลายเป็นสมบัติส่วนตัวของสองคนนั้นไปเลยโดยปริยาย เพราะประธานใหญ่สุดในบอร์ด และเลขาธิการมีอำนาจสูงสุดในสำนักงาน อันนี้แค่สมมุติเฉย ๆ นะคะ

ประเด็นมันอยู่ตรงนี้ 1) ก่อนหน้านี้เคยมีการสรรหาเลขาธิการ กสทช. และประธาน กสทช. เสนอชื่อนาย ไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล เพียงคนเดียว ในการประชุม กสทช. นัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2567 วันที่ 17 ม.ค. 2567 บอร์ด กสทช. มีมติไม่เห็นชอบ หลังจากนั้นก็ไม่เคยมีการสรรหาคนใหม่หรือบรรจุวาระในการแต่งตั้งเลขาจริงๆ จังๆ อีกเลย ซึ่งมันแปลก เพราะรักษาการคนนี้ก็อยู่มานานแล้ว และเมื่อเสนอชื่อแล้วไม่ผ่าน ทำไมถึงไม่พยายามหาคนใหม่?

2) **ตามสัญญาจ้างแล้ว นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล จะสิ้นสุดสัญญาจ้างในวันที่ 30 เม.ย. 2568 แปลว่า ตามกฎหมายเมื่อถึงเวลา นายไตรรัตน์จะต้องออกจากตำแหน่ง ซึ่งการจะต่อสัญญาจ้างตำแหน่งรองเลขานั้น เลขาตัวจริงต้องเป็นผู้พิจารณาเท่านั้น หรือ ถ้าจะจ้างใครเป็นพนักงานประจำ ก็ต้องให้เลขาตัวจริงเป็นผู้พิจารณาอีกเช่นกัน  3) ดิฉันได้ทราบข้อเท็จจริงจากเอกสารว่า มีรองเลขาท่านหนึ่งได้ออก “คำสั่งที่อาจจะมิชอบด้วยกฎหมาย” ให้นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล ได้บรรจุเป็นพนักงานประจำหรือก็คือจะเกษียณก็ตอนอายุ 60 ปี เพื่อที่เมื่อถึงเวลาจะได้ไม่หลุดจากตำแหน่งรักษาการเลขา แต่รองเลขาท่านนั้นไม่ได้มีอำนาจที่จะแต่งตั้งได้ ต่อมาเหมือนรองเลขาท่านนั้นเพิ่งรู้สึกตัว จึงออกหนังสือ ด่วนที่สุด “ลับ” ที่ สทช. 2400/47 วันที่ 9 ต.ค. 2567 เรื่อง ขอให้ติดตามยกเลิกคำสั่ง กสทช ที่ 1019/2567 (เลขหนังสือคำสั่งแต่งตั้งที่อาจจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย) ถ้าไม่เชื่อก็เอาหนังสือเลขนี้ออกมาเปิด เอาง่ายๆ ว่าออกคำสั่งแต่งตั้งแต่พอนั่งๆ คิดไปคิดมามีปัญหาเรื่องกฎหมายไหม  งั้นยกเลิกดีกว่า

น.ส.รักชนก ระบุต่อว่า 4) จากข้อ 2) หากยึดว่านายไตรรัตน์ สิ้นสุดสัญญาจ้างวันที่ 30 เม.ย. 2568 แล้วต่อจากนี้การประชุมบอร์ด หรือ ประชุมอะไรก็แล้วแต่ที่จะเกิดขึ้นใน กสทช. ต่อจากนี้ นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล จะนั่งอยู่ตรงนั้นด้วยตำแหน่งอะไร? อาศัยอำนาจของกฎหมายใด? ใครจะตอบดิฉันได้บ้างไหม ตึกใหม่ทุ่มเงินทำห้องแถลงข่าวหลายสิบล้าน แปลว่า กสทช. น่าจะให้ความสำคัญกับการตอบคำถามมากๆ ดังนั้นประธาน กสทช. ช่วยตอบหน่อยได้ไหม?

5) นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล คือใคร? ถ้าทุกท่านจำได้ไห้ ตอนต้นเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา มีข่าวศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ยกฟ้องในคดีที่นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการฯ และรักษาการเลขาธิการ กสทช. ยื่นฟ้อง กสทช. 4 คน ได้แก่ พล.อ.ท.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ, นายศุภัช ศุภชลาศัย, นางพิรงรอง รามสูต และนายสมภพ ภูริวิกรัยพงศ์ ซึ่งเป็นกรรมการ กสทช. เสียงข้างมาก และ นายภูมิศิษฐ์ มหาเวสน์ศิริ รองเลขาธิการฯ เนื่องจากร่วมกันมีมติให้ปลดนายไตรรัตน์ พ้นจากตำแหน่งรักษาการเลขาธิการ กสทช. พร้อมสั่งตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง ในกรณีการใช้งบอุดหนุนบอลโลก 600 ล้านบาท ที่ กกท.ไม่ปฏิบัติตามบันทึกข้อตกลงกับสำนักงาน กสทช.

ต้องย้ำข้อเท็จจริงว่าบอร์ด 4 คนที่โดนฟ้องนี้ เค้าทำงานตามขอบเขตหน้าที่และความรับผิดชอบตามตำแหน่งงาน เพราะเป็นอำนาจของบอร์ดในการโหวตลงคะแนนวาระต่าง ๆ แต่เพราะเหตุใด ทำไมถึงต้องฟ้องคนที่เค้าแค่ทำตามหน้าที่ ดิฉันว่ามันก็แปลกดี

6) ประธาน กสทช. เป็นอะไร? ทำไมถึงรักใคร่ถูกคอกับรักษาการเลขาท่านนี้ซะเหลือเกิน ถึงขนาดว่าออกแรงทำทุกทางพยายามให้ นายไตรรัตน์ ได้อยู่ในตำแหน่งเดิมต่อ ไม่สรรหาคนใหม่ ไม่บรรจุวาระในการหาเลขาจริง ๆ สักที มันเป็นอะไรกันหนอสองคนนี้? 7) มาถึงตรงนี้ทุกท่านอาจจะสงสัยว่า แล้วทั้งหมดนี้เกี่ยวอะไรกับx ? เรียนประชาชนทุกท่าน เงินที่ท่านจ่ายค่าโทรศัพท์ ค่าทีวีดาวเทียม และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับโทรคมนาคม การที่ผู้ให้บริการจะคิดเงินรายเดือนเท่าไร ให้บริการดีไหม เอาเปรียบผู้บริโภคหรือป่าว ควบคุมให้ค่ายมือถือเห็นหัวประชาชน หรือ เรื่องใหญ่ ๆ อย่างการจัดการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ การกำจัดเบอร์ม้า การกำจัด SMS พนัน SMS หลอกลวง การล้างบางเสาสัญญาณเน็ตเถื่อนที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้หลอกเงินพวกเรา สิ่งเหล่านี้เกี่ยวข้องกับ กสทช. ทั้งสิ้น แล้วที่ท่านคิดว่าการที่ กสทช. จัดการอะไรไม่ได้ดีเลยสักอย่าง แต่กลับยอมให้กลุ่มทุนจูงจมูกตลอด มันเป็นเพราะอะไรล่ะ? นี่แหละคำตอบ!

พรุ่งนี้จะมาเขียนภาคต่อเรื่องคุณสมบัติประธาน กสทช. ที่มีปัญหาพอๆ กัน ก่อนพบกับตอนต่อไป ลองอ่านข่าวนี้ไปพลางๆ นะคะ.