สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงอิสลามาบัด ประเทศปากีสถาน เมื่อวันที่ 3 พ.ค. ว่า รัฐบาลของภูมิภาคอาซาด ชัมมูและกัศมีร์ ซึ่งเป็นภูมิภาคแคชเมียร์ของปากีสถาน ประกาศให้ประชาชนใน 13 เขต โดยเฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่ตามแนวเส้นควบคุม (แอลโอซี) ที่เป็นเส้นพรมแดนกับอินเดีย กักตุนอาหารและสิ่งของจำเป็นให้ได้นานประมาณ 2 เดือน


ขณะเดียวกัน รัฐบาลท้องถิ่นของภูมิภาคอาซาด ชัมมูและกัศมีร์ เตรียมจัดตั้งกองทุนฉุกเฉินมูลค่า 1,000 ล้านรูปีปากีสถาน (ราว 118.90 ล้านบาท) เพื่อสำรองอาหาร ยารักษาโรคพื้นฐาน และข้าวของจำเป็น สำหรับประชาชนในพื้นที่ พร้อมทั้งประสานงานกับฝ่ายความมั่นคง ให้มีการเพิ่มกำลังลาดตระเวนตามแนวแอลโอซี


สถานการณ์ดังกล่าวยิ่งสะท้อนความตึงเครียดระหว่างอินเดียกับปากีสถาน ซึ่งทวีความรุนแรงอีกขั้น จากเหตุกลุ่มคนร้ายกราดยิงนักท่องเที่ยว ที่เมืองพาฮาลแกม ในภูมิภาคแคชเมียร์ของอินเดีย เมื่อวันที่ 22 เม.ย. ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 26 ราย


หลังเกิดเหตุ รัฐบาลอินเดียกล่าวว่า เป็นฝีมือของกลุ่มลาชการ์-อี-ไทบา ซึ่งมีฐานที่มั่นอยู่ในปากีสถาน และเป็นองค์กรก่อการร้ายในบัญชีดำของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ขณะที่รัฐบาลปากีสถานยืนกรานปฏิเสธ และเรียกร้องการสอบสวนระดับนานาชาติ

นอกจากนี้ ทั้งสองประเทศใช้มาตรการทางการทูตตอบโต้กันอย่างหนัก รวมถึงการเนรเทศนักการทูต การระงับออกวีซ่า การปิดน่านฟ้า และการปิดจุดผ่านแดน ยิ่งไปกว่านั้น อินเดียประกาศระงับสนธิสัญญาแบ่งปันน้ำตามแนวลุ่มแม่น้ำสินธุ ซึ่งปากีสถานเตือนว่า เรื่องนี้ถือเป็น “การประกาศสงคราม”.

เครดิตภาพ : AFP