ตามที่หน่วยงานกรมป่าไม้ ร่วมกับสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดฉะเชิงเทรา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ตรวจสอบพบบริษัทเอกชน ยึดถือครอบครองทําประโยชน์ ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าแควระบมและป่าสียัด ต.คลองตะเกรา อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา โดยไม่ได้รับอนุญาต ปลูกทุเรียนเป็นแปลงขนาดใหญ่ รวมกว่า 700 ไร่ นอกจากนี้ บางส่วนยังก่อสร้างอาคาร เจาะ/ใช้น้ำบาดาล และขุดสระน้ำขนาดใหญ่ จึงดำเนินการตรวจยึดพื้นที่ เบื้องต้นแจ้งความดําเนินคดี 3 ข้อหา 1.กระทําผิดกฎหมายตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 มาตรา 14 มาตรา 31 ฐาน ยึดถือครอบครองเข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยฯ โดยไม่ได้รับอนุญาต 2.กระทําผิด พ.ร.บ.ป่าไม้ พุทธศักราช 2484 มาตรา 44 มาตรา 72 ตรี ฐาน ก่อสร้าง หรือกระทําด้วยประการใดๆ อันเป็นการทําลายป่า เข้ายึดถือ หรือครอบครองป่าเพื่อตนเองหรือผู้อื่น และ 3.กระทําผิด พ.ร.บ.น้ำบาดาล พ.ศ. 2520

ความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีนี้ เมื่อวันที่ 6 พ.ค. ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยัง พ.ต.ท.มงคล จันทร์พลอย รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.ท่าตะเกียบ ผู้รับผิดชอบคดี เปิดเผยว่าขณะนี้ บริษัทเอกชน ที่ถูกกล่าวหาได้เข้ามารับทราบข้อกล่าวหาเรียบร้อยแล้ว ทางพนักงานสอบสวนรอดูว่า ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) จะมารับคดีนี้ไปทำเองด้วยหรือไม่ อย่างไรก็ดี ถ้าทางดีเอสไอ ไม่รับคดีนี้ ทางพนักงานสอบสวนก็พร้อมจะยื่นสำนวนทั้งหมดส่งต่อให้อัยการได้เลย

‘ปปง.’ จ่อลุยยึดทรัพย์เอาผิด ‘นายทุน’ รุกป่าสงวนฯ ปลูกทุเรียนแปลงใหญ่

ด้านนายธนา ชีรวินิจ ที่ปรึกษา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานติดตามตรวจสอบการยึดถือครอบครองพื้นที่ป่า กล่าวว่า ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ ได้ให้กําลังใจและข้อเสนอแนะกับเจ้าหน้าที่ทรัพยากรธรรมชาติฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการป้องกันปราบปราม การบุกรุกตัดไม้ทําลายป่า และยึดถือครอบครองทําประโยชน์ในพื้นที่ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมยังได้กําชับเจ้าหน้าที่ให้ดําเนินคดีอย่างรอบคอบ รัดกุม และขยายผลจนถึงที่สุดด้วย

ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยัง บริษัทเอกชนที่ถูกดำเนินคดี ได้รับการเปิดเผยจากฝ่ายสื่อสารองค์กร ว่า บริษัทพร้อมที่จะเข้าสู่ในกระบวนการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ โปร่งใส และเจตนาในการทำธุรกิจที่ถูกต้องตามกฎหมาย เพราะมีความเชื่อมั่นใจในกระบวนการยุติธรรมของประเทศ ทางบริษัทได้ลงทุนไปแล้วกว่าร้อยล้านบาท ยืนยันการลงทุนโดยคนไทย เงินทุนได้มาโดยถูกกฎหมาย ธุรกิจของบริษัทไม่มีความเกี่ยวข้องกับ “ทุนข้ามชาติ” ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็น “ทุนสีเทา” ทั้งนี้ บริษัทขอความเป็นธรรมจากสื่อมวลชนทุกท่าน ให้ลงข่าวด้วยความเป็นกลางตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏ บริษัทพร้อมจะให้ข้อมูลในทุกแง่มุมที่เป็นความจริง เพื่อให้สังคมได้รับรู้

ในส่วนของการดำเนินการ ทางบริษัททำตามขั้นตอนทุกอย่าง เช่น ความน่าเชื่อถือของ “ผู้ขาย” นำที่ดินมาขายให้กับบริษัท การครอบครองและใช้ประโยชน์ในที่ดินมาก่อนตั้งแต่ปี พ.ศ. 2532 การโอนสิทธิในการทำประโยชน์ การโอนเอกสารของหน่วยงานรัฐที่น่าเชื่อถือ การเข้าปลูกทุเรียนหลังได้รับสิทธิอย่างชอบธรรมในปี พ.ศ. 2565 เสียภาษีบำรุงท้องที่ตามเอกสารที่จัดเก็บโดยหน่วยงานรัฐ และได้รับใบเสร็จรับเงินถูกต้อง เข้าทำประโยชน์ของที่ดินแปลงข้างเคียงก็ทำได้ปกติ ไม่มีนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการใช้ประโยชน์ในที่ดินเพื่อทำธุรกิจอื่นใด นอกเหนือจากการทำการเกษตรและสร้างความสมบูรณ์ในระบบนิเวศ จึงเลือกปลูกไม้ยืนต้นมากกว่าทำพืชไร่ล้มลุก เมื่อทำประโยชน์แล้วก็ไม่มีหน่วยงานรัฐแม้แต่หน่วยเดียวมาดำเนินคดีจนถึงวันเกิดเรื่อง