นายสมบัติ กิจจาลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM เปิดเผยว่า ไตรมาส 3 ปีนี้ BEM ได้รับผลกระทบหนักสุดจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่รุนแรงมากขึ้น รวมทั้งมาตรการคุมเข้มในพื้นที่สีแดงของภาครัฐ ทำให้ปริมาณการเดินทางลดลง รายได้หลักของบริษัทหายไปอย่างมาก แต่ด้วย BEM มีการลงทุนในบริษัทอื่นที่ดี ทำให้มีรายได้เงินปันผลรับเข้ามาเสริม รวมถึงการบริหารจัดการด้านต้นทุนและค่าใช้จ่ายทำให้ในไตรมาส 3 ปีนี้ มีกำไร 108 ล้านบาท ต่ำกว่าไตรมาส 3 ปีที่แล้ว 87%

นายสมบัติ กล่าวต่อว่า เห็นสัญญาณฟื้นตัวชัดเจนในไตรมาส 4/2564 ภายหลังจากที่รัฐบาลได้มีการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ปริมาณรถที่ใช้ทางด่วนฟื้นตัวขึ้นอย่างมากจากจุดต่ำสุดในเดือน ส.ค.64 ที่มีรถใช้ทางด่วน 593,900 เที่ยวต่อวัน โดยในเดือน ต.ค. ซึ่งเป็นเดือนแรกของไตรมาส 4 ปริมาณรถอยู่ที่ 898,700 เที่ยวต่อวัน เพิ่มขึ้น 51% ในส่วนรถไฟฟ้าจำนวนผู้โดยสารเดือน ต.ค. อยู่ที่ 135,900 เที่ยวต่อวัน เพิ่มขึ้น 118% บริษัทมั่นใจว่าปริมาณผู้ใช้ทางด่วนและผู้ใช้รถไฟฟ้าจะสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากนโยบายการเปิดประเทศ การทยอยเปิดการเรียนการสอน ทั้งนี้ในเดือน พ.ย. เห็นตัวเลขรถมาใช้ทางด่วนเกิน 1 ล้านเที่ยวต่อวัน จำนวนผู้โดยสาร 2 แสนเที่ยวแล้ว

นายสมบัติ กล่าวอีกว่า ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 บริษัทยังคงดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล สร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนและผู้มีส่วนได้เสียในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน จนได้รับคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 146 บริษัทจดทะเบียนฯ ที่อยู่ในรายชื่อ “หุ้นยั่งยืน” หรือ Thailand Sustainability Investment (THSI) ประจำปี 2564 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 ในกลุ่มบริการ (Services).