เมื่อวันที่ 7 พ.ค. ที่รัฐสภา ที่ประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการยกระดับมาตรฐานการก่อสร้าง มาตรฐานความปลอดภัย การเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบและการพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมรับเหมาก่อสร้างอย่างเป็นระบบ สภาสภาผู้แทนราษฎร ได้เชิญตัวแทนจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน กรมโยธาธิการและผังเมือง และ กทม. เข้าชี้แจงสรุปสาเหตุที่ตึก สตง. แห่งใหม่ถล่ม เมื่อวันที่ 28 มี.ค. ที่ผ่านมา  โดยนายสุทธิพงศ์ บุญนิล รองผู้ว่าการ สตง. มาชี้แจงแทนผู้ว่าการ สตง. ที่ติดภารกิจ โดยได้นำข้อมูลการก่อสร้างตึก สตง. ทั้ง 8 ขั้นตอนมาชี้แจง ประกอบด้วย 1.การเลือกพื้นที่ ซึ่งเปลี่ยนจากสถานที่เก่า ที่ อ.เมือง จ.ปทุมธานี มาที่ถนนกำแพงเพชร 2 เขตจตุจักร กทม. ซึ่งเป็นพื้นที่ของการรถไฟ เนื่องจากพื้นที่เดิมเกิดน้ำท่วม 2.แนวการออกแบบ ยึดเอกลักษณ์ความเป็นไทย อัตลักษณ์ขององค์กร โครงสร้างทางวิศวกรรมเพื่อรองรับแรงแผ่นดินไหว รวมถึงเหมาะสมกับสภาพพูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม และความสามารถในการปรับเปลี่ยนโครงสร้างองค์กรในอนาคต

3.สาเหตุการถล่มของอาคาร เนื่องจากเมื่อวันที่ 28 มี.ค. 68 เกิดเหตุแผ่นดินไหวบริเวณประเทศเมียนมา ขนาด 8.2 ริกเตอร์ ทำให้รู้สึกสั่นไว้ได้เป็นบริเวณกว้างในประเทศไทย โดยเฉพาะภาคเหนือ ภาคกลาง รวมทั้ง กทม.และปริมณฑล เป็นเหตุให้อาคาร สตง. ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างถล่ม ส่วนสาเหตุที่ทำอาคาร สตง. ถล่มอันเกิดจากแผ่นดินไหวนั้น อยู่ระหว่างรอผลการตรวจสอบของคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง

4.ระบบการจัดซื้อจัดจ้าง เป็นการจ้างออกแบบของกลุ่มค้า โดยวิธีการคัดเลือก จากการให้คะแนนของคณะกรรมการดำเนินการออกแบบ วงเงินจ้าง 73 ล้านบาท โดยเมื่อวันที่ 3 พ.ค. 61 สตง. มีหนังสือถึงนายกสภาสถาปนิก และนายกสภาวิศวกร เพื่อขอความอนุเคราะห์รายชื่อนิติบุคคลผู้มีผลงานออกแบบก่อสร้างอาคารสำนักงานเพื่อใช้ประกอบการดำเนินการคัดเลือกผู้ออกแบบ จากนั้นวันที่ 15 มิ.ย. 61 คณะกรรมการดำเนินการจ้างออกแบบได้ส่งหนังสือเชิญผู้ให้บริการมายื่นข้อเสนอจำนวน 24 ราย โดยคัดเลือกรายชื่อบริษัทจากผลงานการออกแบบอาคารสำนักงาน  อาคารมูลค่า 750 ล้านบาทขึ้นไป ต่อมาวันที่ 16 ก.ค. 61 มีผู้ให้บริการมายื่นข้อเสนอจำนวน 3 ราย ประกอบด้วย บริษัทร่วมค้า บริษัท ฟอ-รัม อาร์คิเทค จำกัด และบริษัท ไมนฮาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท สแปน คอนซัลแดตนท์ จำกัด และกลุ่มร่วมค้า บริษัท ดีไซน์+ดีเวลลอป จำกัด และบริษัท โปรเจค แพลนนิ่ง เซอร์วิส จำหัด มหาชน โดยบริษัทที่ได้คะแนนสูงสุดถึง 91.12 คะแนน คือ บริษัท ฟอ-รัม อาร์คิเทค จำกัด และบริษัท ไมนฮาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด

สำหรับจัดซื้อจัดจ้างการก่อสร้างสำหรับวิธีการจัดซื้อจัดจ้างการก่อสร้างอาคารใช้วิธี E-bidding โดยมีราคากลางอยู่ที่ 2,522,153,000 บาท โดยมีผู้สนใจซื้อเอกสารประกวดราคาจำนวน 16 ราย โดยปรากฏชื่อบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์10 (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล็อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) แต่มีผู้ยื่นเสนอราคาจำนวน 7 ราย ในนามซึ่งมีการยื่นประมูลของสองบริษัทในนาม กิจการร่วมค้าไอทีดี-ซีอาร์อีซี และเป็นผู้ชนะประมูลโครงการดังกล่าว ในวงเงิน 2,136 ล้านบาท โดยมีการลงนามในสัญญาจ้างวันที่ 23 พ.ย. 2563 โดยมีระยะในสัญญา 1,080 วัน ตกลงจ่ายค่าจ้าง 36 งวด การแก้ไขเพิ่มเติมและในรายละเอียดสัญญาจ้างก่อสร้างมีการแก้ไขเพิ่มเติม 9 ครั้ง ซึ่งเป็นการแก้ไขแบบการก่อสร้าง อาทิ การแก้ไข CORE LIFT อาคาร A, แบบบันได อาคาร B, CORE WALL อาคาร A ในครั้งที่ 4 และปรากฏการแก้ไข Core Wall อาคาร A อีก ในการแก้ไขสัญญาครั้งที่ 6 และในการแก้ไขสัญญาครั้งที่ 8 ผู้รับพบว่าผู้รับจ้างแจ้งความประสงค์ขอปรับแก้ไขงวดงานก่อสร้าง

เนื่องจากรายการงานในงวดงานที่ระบุไว้ในสัญญามีหลายรายการที่ไม่สอดคล้องกับขั้นตอนการปฏิบัติงานที่ควรจะเป็น จำเป็นต้องปรับแก้ไขรายการงานที่ติดขัดกับขั้นตอนการทำงานจำนวน 18 รายการ ในงวดที่ 20-35 ประกอบด้วย งานโครงสร้าง, งานก่ออิฐ, งานผิวผนัง, งานฝ้าเพดาน, งานพื้นและงานผิวพื้น, งานฝังยึดราวบันได, งานสำเร็จบันได, งานประตูหน้าต่าง, งานสุขภัณฑ์และอุปกรณ์, งานบัวเชิงผนัง, งานสถาปัตยกรรมห้องเครื่อง, งานหลังคา, งานเบ็ดเตล็ดและอื่นๆ, งาน Curtain Wall, การตกแต่งภายใน, งานป้ายสัญลักษณ์, งานเฟอร์นิเจอร์ลอยตัว และงานภูมิสถาปัตยกรรมและงานภายนอก สำหรับการแก้ไขสัญญาครั้งที่เก้านั้น เป็นการปรับแผนการทำงานใหม่โดยนำระยะเวลาการทำงานจำนวน 1,080 วัน มานับต่อจากวันที่ 30 มิถุนายน 2565 เป็นวันสิ้นสุดระยะเวลาตามแผนการทำงานใหม่

ในส่วนของการจัดซื้อจัดจ้าง งานจ้างควบคุมงาน จะใช้วิธีการคัดเลือก วงเงิน 76,800,000 บาท โดยการตั้งคณะกรรมการดำเนินการจ้างควบคุมงาน หนังสือและส่งหนังสือเชิญผู้ให้บริการมายื่นข้อเสนอจำนวน 19 ราย มีผู้ให้บริการมายื่นข้อเสนอจำนวน 5 ราย นิติบุคคลซึ่งกลุ่มนิติบุคคลร่วมค้า PKW เป็นผู้ที่ผ่านการคัดเลือกจากคะแนนสูงสุด ได้รับวงเงินค่าจ้างเป็นเงิน 74,653,200 บาท

5.การตรวจรับพัสดุที่ใช้ในการก่อสร้าง 6.ใบอนุญาตแผนผังบริเวณโครงการ ซึ่ง สตง. ได้มีหนังสือแจ้งและส่งแผนผัง แบบแปลน รายการประกอบแบบและรายชื่อผู้ควบคุมงานให้กับทาง กทม. ซึ่งทาง กทม.ได้มีหนังสือตอบกลับในวันที่ 12 เม.ย. 2566 ว่า จากการพิจารณาเห็นว่าไม่ขัดต่อกฎกระทรวงกระทรวง ข้อบัญญัติท้องถิ่น หรือประกาศของ รมว.มหาดไทย ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร 2522 แต่อย่างใด

7. รายงานผลทดสอบคอนกรีต ซึ่งผู้รับจ้างก่อสร้างได้ขออนุมัติวัสดุคอนกรีตผสมเสร็จผลิตภัณฑ์ของ บริษัท ทีพีโอ คอนกรีต จำกัด ใช้สำหรับฐานรากและเสาเข็ม ซึ่งมีวิศวกรโยธาระดับสามัญลงลายมือชื่อรับรองรายการคำนวณส่วนผสมคอนกรีต พร้อมทั้งส่งตัวอย่างไปทดสอบที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ และกรมวิทยาศาสตร์ บริการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ซึ่งได้รับการอนุมัติให้ดำเนินการทดสอบคุณภาพวัสดุที่ใช้ในงานก่อสร้างตามสัญญา

8.รายงานการควบคุมงานของผู้ควบคุมงาน ซึ่งจะมีการรายงานข้อมูลที่สามารถแสดงให้เห็นถึงการปฏิบัติหรือการแสดงสิ่งที่ผู้ให้บริการ ผู้ควบคุมงานได้ดำเนินการในแต่ละเดือน พร้อมหลักฐานและภาพประกอบ.