สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี เมื่อวันที่ 8 พ.ค. ว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวถือเป็นส่วนสำคัญในแผนการของเมิร์ซ ในการแย่งชิงความคิดริเริ่มจากพรรคทางเลือกเพื่อเยอรมนี (เอเอฟดี) ซึ่งได้อันดับสองในการเลือกตั้งทั่วไป เมื่อเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา และได้รับคะแนนความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เมิร์ซกล่าวว่า เขาดำเนินการแจ้งล่วงหน้ากับประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และนายกรัฐมนตรีโดนัลด์ ทัสก์ ผู้นำโปแลนด์ ว่า “มาตรการชั่วคราวมีความจำเป็น” ตราบใดที่สหภาพยุโรป (อียู) ยังคงมีการอพยพที่ผิดปกติในระดับสูงเช่นนี้

ขณะที่ นายอเล็กซานเดอร์ โดบรินท์ รมว.มหาดไทยของเยอรมนี กล่าวว่า รัฐบาลเบอร์ลินชุดใหม่ดำเนินการเพิ่มกำลังตำรวจตระเวนชายแดน และสั่งการให้เจ้าหน้าที่ปฏิเสธผู้อพยพที่ไม่มีเอกสาร รวมถึงผู้ขอลี้ภัย ยกเว้น “กลุ่มเปราะบาง” ซึ่งรวมถึงสตรีมีครรภ์ และเด็ก

“เป้าหมายคือ การรับประกัน ‘ความเป็นมนุษย์ และความสงบเรียบร้อย’ ในการอพยพ ซึ่งความสงบเรียบร้อย ควรมีน้ำหนักและความเข้มแข็งมากกว่าในอดีต” โดบรินท์ กล่าวเพิ่มเติม

อย่างไรก็ตาม ความเคลื่อนไหวของรัฐบาลเยอรมนีชุดใหม่ ทำให้ประเทศเพื่อนบ้านบางประเทศไม่พอใจ โดยสวิตเซอร์แลนด์ระบุว่ารู้สึก “เสียใจ” ที่เยอรมนีดำเนินการมาตรการข้างต้น “โดยไม่มีการปรึกษาหารือ”

ทั้งนี้ ทัสก์กล่าวในการแถลงข่าวร่วมกับเมิร์ซ ที่กรุงวอร์ซอ เรียกร้องเยอรมนีให้ความสำคัญกับพรมแดนภายนอกของอียู และรักษาพื้นที่เชงเกนไว้ ซึ่งเมิร์ซเน้นย้ำว่า การควบคุมชายแดนจะดำเนินการในลักษณะที่ไม่ก่อปัญหาให้กับประเทศเพื่อนบ้านของเยอรมนี พร้อมกับเสริมว่า เยอรมนีต้องการแก้ไขปัญหานี้ด้วยกันกับประเทศสมาชิกอียูอื่น ๆ.

เครดิตภาพ : AFP