กรณี เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ระดมทีมสัตวแพทย์ บินโดรนตามหาช้างป่าบาดเจ็บขาหลังซ้ายบวมเป่ง กระทั่งพบตัวและเร่งประเมินอาการทำการรักษาเป็นการเร่งด่วน ตามที่ได้เสนอข่าวมาอย่างต่อเนื่องแล้วนั้น

เจอแล้ว! ทีมสัตวแพทย์ ระดมช่วยเหลือ ช้างป่ากุยบุรี บาดเจ็บขาบวม

ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 9 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจเฟซบุ๊ก “กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช” ได้โพสต์ภาพอีกครั้ง โดยระบุข้อความว่า “เศร้า! ช้างป่ากุยบุรีขาเจ็บล้มแล้ว หลังทีมแพทย์พยายามรักษาอาการกว่า 3 วัน เป็นเรื่องที่น่าเศร้า เมื่อช้างป่าเพศผู้ วัยประมาณ 50 ปี น้ำหนักกว่า 3.5 ตัน แห่งอุทยานแห่งชาติกุยบุรี ต้องจบชีวิตลง หลังทีมสัตวแพทย์และเจ้าหน้าที่พยายามสุดความสามารถในการรักษาอาการบาดเจ็บนานกว่า 3 วัน แต่สุดท้ายก็ไม่อาจช่วยชีวิตไว้ได้ ผลการชันสูตรซากเผยให้เห็นร่องรอยกระสุนฝังในหลายจุด สร้างความสะเทือนใจให้กับเจ้าหน้าที่เป็นอย่างยิ่ง

เหตุการณ์นี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2568 เมื่อชาวบ้านในพื้นที่บ้านน้ำโจน ตำบลอ่าวน้อย อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ พบเห็นช้างป่าตัวดังกล่าว มีอาการบาดเจ็บที่ขาหลังข้างซ้าย เดินอย่างทุลักทุเล บริเวณอ่างเก็บน้ำโจน ซึ่งอยู่นอกเขตอุทยานแห่งชาติกุยบุรี

นายอนุชาติ อาจหาญ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติกุยบุรี เมื่อได้รับแจ้งเหตุ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งเข้าตรวจสอบโดยใช้โดรนบินสำรวจ พบว่าเป็นช้างป่าเพศผู้ชราภาพ มีบาดแผลรุนแรง จึงประสานสัตวแพทย์อนุรักษ์ สกุลพงษ์ จากสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 สาขาเพชรบุรี เข้าประเมินอาการและวางแผนการรักษาอย่างเร่งด่วน

ตลอด 3 วันที่ผ่านมา ทีมสัตวแพทย์และเจ้าหน้าที่ได้ทุ่มเทสรรพกำลังในการช่วยเหลือช้างป่าเคราะห์ร้ายตัวนี้ มีการวางยาสลบเพื่อล้างบาดแผล ให้ยาฆ่าเชื้อ ยาบำรุง และน้ำเกลือ แต่เนื่องจากบาดแผลมีความรุนแรงและช้างมีอายุมาก สุขภาพจึงทรุดลงอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งเช้าวันที่ 8 พฤษภาคม ช้างป่าก็สิ้นใจอย่างน่าเศร้า

ความจริงอันน่าตกใจปรากฏขึ้นภายหลังการผ่าชันสูตรซาก โดยทีมสัตวแพทย์พบร่องรอยบาดแผลคล้ายถูกยิงด้วยกระสุนปืนถึง 5 จุด กระจายอยู่ทั่วร่างกาย ทั้งบริเวณงวง โคนงา ช่องท้อง และขาหลังด้านซ้าย เมื่อใช้เครื่องสแกนโลหะก็พบสัญญาณโลหะภายในซากช้าง การผ่าเปิดบาดแผลที่ขาหลังซึ่งบวมเป่ง พบหนองขนาดใหญ่ถึง 40 เซนติเมตร ทำให้กระดูกข้อต่อหลุดออกจากกัน เนื้อเยื่อและเส้นเอ็นเน่าเสียหาย นอกจากนี้ ยังพบหัวกระสุนและเศษโลหะรวม 5 ชิ้น ฝังอยู่ในตัวช้าง โดยเฉพาะกระสุนขนาด .22 ที่พบใกล้โคนงา

ผลการตรวจอวัยวะภายในยังพบความผิดปกติที่ไต บ่งชี้ถึงภาวะการติดเชื้อที่รุนแรง ทีมสัตวแพทย์สันนิษฐานเบื้องต้นว่า สาเหตุการตายหลักมาจากการติดเชื้ออย่างรุนแรงจากบาดแผลที่ขาหลัง เนื่องจากบริเวณข้อต่อมีรูพรุน ทำให้เชื้อโรคแทรกซึมเข้าสู่ไขกระดูกและลุกลามเข้าสู่กระแสเลือด ประกอบกับอายุที่มากและระบบภูมิคุ้มกันที่เสื่อมถอย ทำให้ช้างไม่สามารถต่อสู้กับการติดเชื้อได้

หลังการชันสูตร ทีมเจ้าหน้าที่ได้ทำการฝังกลบซากช้างในพื้นที่ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรคสู่สัตว์ป่าอื่นๆ พร้อมกันนี้ ได้มีการแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ที่สถานีตำรวจภูธรอ่าวน้อย เพื่อดำเนินการสืบสวนหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมาย #ช้างป่ากุยบุรี #ช้างล้ม #อุทยานแห่งชาติกุยบุรี”

ขอบคุณข้อมูลและภาพ เพจ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และอุทยานแห่งชาติกุยบุรี