สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย เมื่อวันที่ 13 พ.ค. ว่า นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ผู้นำอินเดีย แถลงผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งชาติ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เกี่ยวกับความขัดแย้งกับปากีสถาน มีเนื้อหาตอนหนึ่งว่า “หากปากีสถานต้องการอยู่รอด รัฐบาลอิสลามาบัดต้องทำลายแหล่งซ่องสุมของกลุ่มก่อการร้าย”
ทั้งนี้ รัฐบาลนิวเดลีกล่าวหา กลุ่มลาชการ์-อี-ไทบา ซึ่งเป็นกองกำลังติดอาวุธที่มีฐานอยู่ในปากีสถาน และอยู่ในบัญชีดำองค์กรก่อการร้ายของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) อยู่เบื้องหลังเหตุกราดยิงใส่กลุ่มนักท่องเที่ยว ที่เมืองพาฮาลแกม ในรัฐชัมมูร์และกัศมีร์ หรือภูมิภาคแคชเมียร์ภายใต้อธิปไตยของอินเดีย เมื่อวันที่ 22 เม.ย. ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 26 ราย แต่จนถึงตอนนี้ ปากีสถานยืนกรานปฏิเสธความเกี่ยวข้อง
หากยังคงมีเหตุการณ์เลวร้ายแบบนี้เกิดขึ้นอีก อินเดียไม่ลังเลที่จะปฏิบัติการทางทหาร “อย่างแม่นยำ” เพื่อทำลายฐานที่มั่นของกลุ่มก่อการร้ายเหล่านั้น ซึ่งอยู่ภายใต้การคุ้มครองของรัฐที่ “ข่มขู่โดยใช้อาวุธนิวเคลียร์”
“Pakistan had so much arrogance about their forces, but when we destroyed them, they begged the whole world, asked for de-escalation, and called our DGMO begging to stop”— PM Modi ☠️☠️???????? pic.twitter.com/OcZJFF7uvM
— BALA (@erbmjha) May 12, 2025
ขณะเดียวกัน โมดีกล่าวว่า “การค้ากับการก่อการร้าย เลือดและน้ำ ทั้งหมดนี้ไปด้วยกันไม่ได้” สื่อถึงการที่อินเดียปิดพรมแดน และระงับข้อตกลงการแบ่งปันน้ำกับปากีสถาน
อนึ่ง อินเดียและปากีสถานโจมตีกันอย่างหนักข้ามพรมแดน เมื่อวันที่ 7 พ.ค. ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตรวมกันมากกว่า 60 ราย แม้มีการหยุดยิงตั้งแต่เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยมีสหรัฐเป็นคนกลาง แต่ยังคงมีการกล่าวหากันอย่างต่อเนื่อง ว่าอีกฝ่ายละเมิดข้อตกลง
นอกจากนี้ แม้ทหารระดับสูงของอินเดียและปากีสถานหารือร่วมกัน แต่ทั้งสองฝ่ายยังคงเกทับกันไปมา และอ้างว่า จะโจมตีตอบโต้กัน ถ้าพบการละเมิดข้อตกลงหยุดยิง.
เครดิตภาพ : AFP