เมื่อวันที่ 13 พ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม ในฐานะเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าว สส. หลายคนของพรรค รทสช. จะย้ายออกไปอยู่กับพรรคอื่น ว่า เท่าที่ตนได้พูดคุยกับ สส. ของพรรคที่ขณะนี้อยู่ระหว่างปิดสมัยประชุมสภา หลายคนได้ไปร่วมภารกิจกับการเลือกตั้งท้องถิ่น ถือว่าได้รับผลตอบรับที่ดี และหลายคนอาศัยช่วงเวลาปิดสมัยประชุม ลงพื้นที่ทำงานให้กับประชาชน เท่าที่ได้สัมผัส ทุกคนมีความตั้งใจทำงานการเมืองกับพรรค รทสช. ต่อไป ผู้บริหารเองยึดมั่นในอุดมการณ์ของพรรค ไม่ให้ความสำคัญกับความขัดแย้งทางการเมืองมากไปกว่าการเดินหน้าแก้ปัญหาให้ประชาชน จะเห็นได้จากนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรคและตนที่รับผิดชอบ 2 กระทรวง ไม่ว่าจะมีแรงเสียดทาน แรงท้าทายเรื่องอะไร เราก็เดินหน้าทำงานต่อไป และหวังว่าประชาชนจะเห็นความตั้งใจตรงนี้

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีกระแสข่าวว่า นายสุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค รทสช. เตรียมจะย้ายไปอยู่กับพรรคกล้าธรรม ได้มีการพูดคุยกับนายสุชาติหรือไม่ นายเอกนัฏ กล่าวว่า ตนไม่ทราบเลยจริงๆ ตนคิดว่าอย่าต้องมากังวลกับผู้บริหารของพรรคเลย ตนเรียนกับทุกคนเลยว่า เมื่อไหร่พรรคการเมืองทุกพรรคยึดมั่นในอุดมการณ์ ทำงานให้ผลงานเป็นที่ปรากฏ ไม่มีอะไรที่ต้องกลัว มีคนไปก็มีคนมา ตนจะบอกว่าพรรค รทสช. อยู่ได้ด้วยอุดมการณ์ ไม่ได้อยู่ได้ด้วยการนำผลประโยชน์ กองกำลัง หรือการจับกลุ่มก้อนมาตั้งกองกำลัง ซึ่งไม่ใช่ พรรคต้องอยู่ได้ด้วยอุดมการณ์และผลงานที่ปรากกฏต่อสาธารณชน

เมื่อถามว่า ได้มีการตั้งรับกรณีที่หัวหน้าพรรค รทสช. ถูกร้องตรวจสอบหรือไม่ นายเอกนัฏ กล่าวว่า เท่าที่ตนได้คุยกับนายพีระพันธุ์ ก็ได้เตรียมพร้อมในการไปชี้แจงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในทุกเรื่องที่ถูกตั้งคำถามอยู่ในเวลานี้ และตนมั่นใจว่านายพีระพันธุ์สามารถชี้แจงเคลียร์ได้ทุกเรื่อง หลายเรื่องตนไม่ต้องไปถามนายพีระพันธุ์ ซึ่งเป็นความเห็นในฐานะที่เราเองเป็นผู้ดำรงตำแหน่งเช่นเดียวกัน ไม่มีสิ่งที่น่าเป็นห่วง ทุกคนในพรรค รทสช. ก็สนับสนุนนายพีระพันธุ์เต็มที่ ทั้งการชี้แจงข้อกล่าวหาต่างๆ รวมถึงการทำงานด้วย ทุกคนให้กำลังใจ

เมื่อถามอีกว่า ได้มีการวิเคราะห์กรณีที่มีการร้องเรียนนายพีระพันธุ์ในช่วงที่ผ่านมา มีเบื้องหน้าเบื้องหลังอะไรหรือไม่ นายเอกนัฏ กล่าวว่า จะเอาเวลาที่ไปไหนไปวิเคราะห์ ปกติคุยกับหัวหน้าพรรคก็รายงานแต่งานที่ทำ ภารกิจเยอะ ไม่มีเวลาได้พักได้ฉุกคิดเรื่องอย่างอื่น เรียนว่า ไม่มีเวลา ตนไม่สนใจ ไม่ให้เวลาไม่ให้ความสำคัญกับความขัดแย้งทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องต่อล้อต่อเถียง เรื่องกล่าวหา โจมตีทางการเมือง ซึ่งไม่มีอะไรดีขึ้นมาจากสิ่งเหล่านี้ แล้วประชาชนที่ฟังจากข้างนอกก็เบื่อหน่ายจากสิ่งเหล้านี้เต็มทนแล้ว เอาเวลามาจัดการปัญหาของประเทศดีกว่า ยิ่งตอนนี้เศรษฐกิจประเทศอยู่ในช่วงที่เราต้องดูแลเป็นพิเศษจากสงครามการค้า เราต้องปรับปรุงระบบเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะระบบอุตสาหกรรม ที่ตนขอเรียกว่าต้องปฏิรูปเลย ต้องพึ่งพาตัวเองให้ได้ ต้องช่วยกันสร้างห่วงโซ่อุปทานที่สมบูรณ์ เป็นมิตรสิ่งเวลดล้อใม และยั่งยืน.