เมื่อวันที่ 13 พ.ค. นางพิราวรรณ ศรีไหม ตัวแทนพยาบาลห้องฟอกไตที่ได้รับผลกระทบประกาศกระทรวงสาธารณสุขฯ ที่ส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ของพยาบาลและอาจส่งผลต่อผู้ป่วยโรคไต หากสุดท้ายต้องปิดห้องฟอกไต เนื่องจากพยาบาลไม่สามารถปฏิบัติงานได้ตามกฎกระทรวงสาธารณสุขที่โยงกับข้อบังคับของสภาการพยาบาล พร้อมผู้แทนฯ จำนวนหนึ่งเดินทางเข้าพบ นายกองตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข เพื่อขอความเป็นธรรมให้ช่วยเหลือกรณีดังกล่าว
นายกองตรี ธนกฤต กล่าวว่า วันนี้ (13 พ.ค.) พยาบาลห้องฟอกไต เข้าร้องเรียนเพื่อขอให้ช่วยเหลือหลังได้รับผลกระทบ 1,000 คน จากประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับวันที่ 11 ก.พ. 2568 และข้อบังคับสภาการพยาบาล เกี่ยวกับการขึ้นทะเบียนเป็นพยาบาลเวชปฏิบัติการบำบัดทดแทนไต ที่มีผลย้อนหลังตั้งแต่ปี 2563 ให้พยาบาลกลุ่มนี้ต้องไปอบรมหลักสูตรใหม่ อย่างไรก็ตาม ตนรับเรื่องและจะหาแนวทางช่วยเหลือ เพราะไม่เพียงมีผลกระทบต่อพยาบาลไตเทียม แต่ยังอาจส่งผลกระทบต่อผู้ป่วยโรคไตได้ด้วย
นายกองตรี ธนกฤต กล่าวอีกว่า เรื่องนี้จะนำเสนอต่อท่านรมว.สาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษของสภาการพยาบาล จากนั้นตนจะเชิญนายกสภาการพยาบาล และเลขาฯ รวมถึงผู้แทนที่เกี่ยวข้อง เพื่อมาหารือก่อนว่า เพราะเหตุใดจึงมีข้อบังคับจนออกกฎกระทรวงฯตามมา เพราะเหตุใดจึงไม่เปิดกว้างให้พยาบาลที่ทำงานมาก่อนปี 2563 ก่อนออกข้อบังคับ ซึ่งก็ต้องหารือทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงความเป็นไปได้ในการแก้กฎหมาย หรือแก้ระเบียบได้หรือไม่ มีช่องทางไหนที่จะช่วยเหลือตรงนี้ได้บ้าง ซึ่งก็จะรีบพูดคุยเพื่อให้ได้ข้อยุติเรื่องนี้
ด้านนางพิราวรรณ กล่าวว่า วันนี้มาขอความเป็นธรรม ขอให้ช่วยเหลือพยาบาลผู้ปฏิบัติงานในห้องฟอกไตราว 1,000 คน ที่ได้รับผลกระทบจากประกาศดังกล่าว ทำให้พวกตนไม่สามารถขึ้นทะเบียนเป็นผู้เชี่ยวชาญของสมาคมโรคไตแห่งประเทศไทยแล้ว ทั้งที่ผ่านการอบรมเป็นพยาบาลเชี่ยวชาญห้องฟอกไต ทำงานมาเป็นสิบๆ ปี ส่วนที่สภาการพยาบาลระบุว่า มีแนวทางช่วยเหลือโดยกำลังทำหลักสูตรเทียบโอนให้พยาบาลห้องฟอกไตนั้นก็ไม่มีข้อมูลที่ชัดเจน ไม่มีอะไรที่เป็นทางการ บอกแค่ว่าจะเทียบโอน แต่ตนมองว่า ทำไมต้องเทียบโอน เพราะทุกคนผ่านการอบรม และสอบขึ้นทะเบียนเป็นผู้เชี่ยวชาญจากสมาคมโรคไตแห่งประเทศไทยแล้ว ทำงานมีประสบการณ์ช่วยเหลือผู้ป่วยมาตลอดหลายสิบปี ดังนั้น จึงไม่แน่ใจว่า เทียบโอนคืออะไร ต้องเสียค่าเทียบโอน ค่าเรียนอบรมอีกหรือไม่ จริงๆ ควรขึ้นทะเบียนให้เลย
“ขณะนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อจากสภาการพยาบาลหรือจากสมาคมพยาบาลโรคไตฯ จริงๆ เทียบโอน ควรให้เราขึ้นทะเบียนและทำงานได้ตามเดิม ได้รับการคุ้มครองเหมือนเดิม ไม่ใช่ให้เราต้องลงเรียนใหม่ หรือจ่ายค่าอบรม ไม่เช่นนั้นก็ไม่แตกต่างจากเดิมที่จะให้เราเรียนหลักสูตรของจุฬาฯ ซึ่งมีราคาสูงตั้ง 40,000 บาท” นางพิราวรรณ กล่าว และว่า ยังคงยืนยันยื่นฟ้องศาลปกครองตามขั้นตอนต่อไป.