เมื่อเวลา 14.45 น. วันที่ 13 พ.ค. 68 ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี ที่ปรึกษาศูนย์นโยบายและวิชาการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงการขึ้นภาษีน้ำมัน ที่เรียกว่า ประกาศกฎกระทรวง มีการวางแผนกันล่วงหน้าอยู่แล้ว เพราะมีการประกาศในราชกิจจาทันทีในวันที่ประชุม ซึ่งราคาน้ำมันในไทยเมื่อบวกภาษีแล้ว ไม่ควรเกิน 26 บาท แต่กลับอยู่ที่ 30-40 บาท แสดงว่ารัฐบาลไม่ได้เห็นว่าจะต้องแก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชนจริงๆ ประเทศไทยเป็นประเทศที่ส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปไปขายที่เวียดนาม ที่ราคาเบนซิน 95 อยู่ที่ 14 บาท น้ำมันดีเซลเราขายส่งไปให้เขาขายหน้าปั๊ม 11 บาท เราขาย 30 กว่าบาท ที่หาเสียงกันมาเป็นเรื่องเลื่อนลอย เค้าเรียกว่าให้ความหวังประชาชน วันนี่ราคาน้ำมันดิบถูกมากๆ เพราะค่าเงินบาทแข็ง

“ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า รัฐบาลไม่มีความจริงใจที่จะแก้ปัญหาให้ประชาชนจริงๆ เราไม่สามารถไว้วางใจรัฐบาลได้เลยในการจัดการเศรษฐกิจ ถ้าจะพูดแบบจริงๆ ก็ต้องบอกว่า ท่านไม่มีความรู้ ความสามารถ แต่ถ้าตั้งข้อสังเกตอีกอย่างหนึ่ง หรือเพราะท่านมีความใกล้ชิดสนิทสนมกับกลุ่มทุนพลังงาน รักกลุ่มทุนพลังงานมากกว่ารักประชาชนหรือไม่ อันนี้ต้องให้ประชาชนตั้งคำถาม วันนี้เศรษฐกิจแย่ ต้องช่วยกันลดราคาน้ำมัน ช่วยกันลดราคาไฟฟ้า ถามว่ามันลดได้จริงไหม ลดได้จริง เพราะต้นทุนมันต่ำแล้ว จึงขอให้ติดตามดูพฤติกรรมของรัฐบาลว่า จะทำอย่างไรกับประชาชน แต่สุดท้ายวันนี้ขึ้นภาษี ก็ต้องแสดงความเสียใจกับประชาชนด้วย” ม.ล.กรกสิวัฒน์ กล่าว
ม.ล.กรกสิวัฒน์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ สภาผู้ว่าการธนาคารโลก และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) จัดอันดับให้ประเทศไทยมีจีดีพีต่ำที่สุดในอาเซียน ชนะประเทศเดียวคือ เมียนมา เนื่องจากว่าการจัดการเศรษฐกิจที่ผิดพลาด จะมีการกู้เงินมากขึ้น โดยไม่เห็นว่าจะหารายได้จากไหน ขอฝากรัฐบาลว่าประเทศไทยไม่ได้อยู่โดดเดี่ยว เรามีเพื่อนบ้านในแถบอาเซียน ถ้าเขาทำได้ดีกว่าเรา เราแพ้แน่นอน.