เมื่อวันที่ 15 พ.ค. ที่รัฐสภา น.ส.พรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ น.ส.กฤษฎิ์ ชีวะธรรมานนท์ สส.ชลบุรี พรรคประชาชน ประสงค์จะย้ายไปร่วมงานกับพรรคกล้าธรรม และพรรคกล้าธรรมระบุด้วยว่าจะมีสส.ฝ่ายค้านย้ายเข้าไปร่วมกับพรรคอีกจำนวนมาก ว่า การโหมว่ามีอีกหลายคนนั้นเป็นเรื่องปกติ เพราะพรรคกล้าธรรมโหมมากว่า 2 เดือนแล้ว ตั้งแต่ช่วงอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า เมื่อหลังมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจก็จะมีการปรับ ครม.ทั้งนี้ การพยายามจะเปิดตัว สส.ย้ายมาร่วมกับพรรคก็ชัดเจนอยู่แล้วว่า เป็นเรื่องของการต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรี ดังนั้นเราไม่สามารถแยกเรื่องงูเห่ากับเสถียรภาพของพรรคร่วมรัฐบาลได้ เพียงแต่ราคาคุยที่บอกว่ามีจำนวน 20 คน หรือ 30 คน ตอนนี้ก็เห็นชัดแล้วว่ามี น.ส.กฤษฎิ์ แม้จะออกไปแบบเต็มตัวไม่ได้
น.ส.พรรณิการ์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้พรรคประชาชนเตรียมโหลไว้เยอะ พร้อมสำหรับดองงูเพื่อส่งเสริมสุราก้าวหน้า ส่วนจะมีงูเห่าเพิ่มขึ้นอีกหรือไม่นั้น ตนไม่สามารถรับรองแทนพรรคหรือ สส.ได้ว่าจะมีอีกมากน้อยแค่ไหน แต่เท่าที่พูดคุยกับทีม จ.ชลบุรีและภาคตะวันออกก็ยังถือว่าแน่นหนาอยู่
น.ส.พรรณิการ์ กล่าวต่อว่า ตนเชื่อว่าประชาชนทราบดีว่า แม้พรรคประชาชน จะมีการกรองคนดีแค่ไหน ซึ่งตนมองว่าพัฒนาจากสมัยพรรคอนาคตใหม่ที่มีงูเห่านับสิบ ตอนนี้มีเพียง 1 ถือว่ามีพัฒนาการ แต่เมื่อมีกล้วย มีแป้ง ก็สามารถล่องูโผล่ออกมาจากถ้ำได้ เราก็ไม่รู้ว่าสุดท้ายจะมีงูเห่าอีกมากน้อยแค่ไหน แต่เชื่อว่าพรรคจะเดินต่อไปได้และประชาชนเข้าใจ เพราะเรื่องงูเห่ามีปัญหาตั้งแต่รัฐธรรมนูญที่ระบุให้ สส.เมื่อถูกขับออกสามารถย้ายพรรคได้ ถือเป็นการเปิดทางให้มีการซื้องูเห่าโดยเฉพาะ เมื่อรวมถึงเรื่องเสถียรภาพของรัฐบาลที่มีการชักเข้าชักออก จะทำให้มีคนคิดว่าหากมีการขยายมุ้ง ก็อาจได้เก้าอี้เพิ่ม ตนทราบข่าวมาว่าเขาอยากได้ถึงตำแหน่งรมว.มหาดไทย ซึ่งอันนี้หวังสูงไปนิด
น.ส.พรรณิการ์ กล่าวต่อว่า ส่วนการจะซื้องูเห่าให้ได้ถึง 30-40 คนเพื่อมาแทนที่พรรคภูมิใจไทยนั้น ตนมองว่าเป็นเรื่องที่เกินจริง แต่ที่พรรคกล้าธรรมบอกว่าจะได้ สส.ถึง 20 คนนั้น ก็ขอให้รอดูกันต่อว่าจะมาจากไหน ถ้าจะมาจากพรรคประชาชนถึงหลักสิบ ส่วนตัวคิดว่าเรื่องนี้ไม่น่าเป็นไปได้
เมื่อถามว่า มองการเมืองลักษณะนี้เป็นอย่างไร น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า การเมืองถอยหลังไปกว่า 40 ปีได้ ตั้งแต่ยังมีคำหยาบที่เรียกว่ากะหรี่การเมือง ย้ายพรรคไปย้ายพรรคมา ซึ่งตนมองว่าสิ่งที่ประชาชนต้องช่วยกันประชาทัณฑ์คือเมื่อเราพูดถึงงูเห่าที่หมายถึงคนทรยศ และไม่ได้หมายถึงทรยศต่อพรรคการเมือง แต่หมายถึงทรยศต่อประชาชนที่เลือกมา เพราะกรณี น.ส.กฤษฎิ์ก็ชัดเจนแล้วว่าประชาชนเลือกมา เพราะเป็นพรรคก้าวไกล ประชาชนเลือกมาเพราะพรรค แต่เมื่อถึงเวลากลับบอกว่าอุดมการณ์ไม่ตรงกัน และขอให้พรรคขับออกเพื่อให้ไปอยู่พรรคกล้าธรรม
น.ส.พรรณิการ์ กล่าวอีกว่า ตนมองว่าน.ส.กฤษฎิ์มี 2 ทางเลือกคือ อยู่ให้จบครบเทอม แล้วครั้งหน้าลงเลือกตั้งในนามพรรคกล้าธรรม หรือหากอดทนไม่ได้ ร้อนรนไปหมด ก็ขอให้ลาออก ซึ่งก็แฟร์ทั้งคู่ พรรคประชาชนก็ส่งคนในนามของพรรค ให้ประชาชนเจ้าของอำนาจตัดสินใจอีกครั้ง แพ้คือแพ้ ชนะคือชนะ แต่ตอนนี้ก็ชัดแล้วว่า น.ส.กฤษฎิ์ไม่ต้องการลาออก เพราะไม่ต้องการเสียสิทธิในการเป็น สส.
เมื่อถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่าการที่พรรคกล้าธรรมดึงสส.งูเห่าเช่นนี้ถือเป็นการต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรี น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า คงไม่ซื้องูเห่า แต่เอาไปดูเล่น เพราะงูเห่าไม่ได้น่ารักอะไร และอีกมุมหนึ่งก็เปลืองแต่แน่นอนแล้วว่าวันนี้ระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทย ซึ่งตอนนี้ก็เหมือนละครหลังข่าว ซึ่งถือเป็นละครตบจูบ แต่ช่วงหลังเหมือนจะตบแรงแล้วไม่มีจูบ โดยภายใต้สถานการณ์แบบนี้ก็เล็งเห็นอยู่แล้วว่าพรรคไหน ถ้าหาเสียงสนับสนุนเสถียรภาพของรัฐบาล ก็จะมีอำนาจในการต่อรองมาก ซึ่งต้องยอมรับว่าในยุคนี้มีการซื้องูเห่าเป็นไปอย่างไม่สะทกสะท้าน แล้วสมัยของพรรคอนาคตใหม่การซื้องูเห่า ก่อนหน้านี้ก็ถูกซื้อโดยพรรคภูมิใจไทยเป็นหลัก แต่นายอนุทิน ชาญวีรกูล ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ไม่เคยออกมาพูดแบบตรงๆ มีแต่บอกแบบแบ่งรับแบ่งสู้ว่าเขามาเอง
“แต่ในยุคนี้หัวหน้าพรรคกล้าธรรมกลับยกมือตัวเองขึ้นมาดมแล้วบอกว่าเนื้อหอม แสดงให้เห็นว่าใครต่อใครก็อยากย้ายเข้ามา ซึ่งดิฉันมองว่าประชาชนไม่ได้ทานหญ้า ไม่ว่าจะเป็นหญ้าหวานหรือหญ้าอะไรก็ตาม ว่าในการย้ายพรรคกลางเทอมเช่นนี้ แล้วไปพรรคกล้าธรรม ที่ตอนนี้เราก็ยังไม่รู้เลยว่านโยบายและแนวทางพรรคเป็นอย่างไร ประชาชนคงทราบกันดีอยู่แล้ว” น.ส.พรรณิการ์ กล่าว
เมื่อถามถึง กรณีที่พรรคกล้าธรรมระบุว่า เป็นการเตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้งปี 2570 นั้น น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า ตนมองว่าตลก เพราะทุกคนก็รู้กันดีว่างูเห่าไม่ว่าจะสีส้มหรือสีแดงสอบตกเปอร์เซ็นต์จากการเลือกตั้งครั้งล่าสุด โดยสถิติก็บอกแล้วว่าหากคาดหวังการเลือกตั้งครั้งต่อไป งูเห่าไม่สามารถที่จะกลับมาชนะการเลือกตั้งได้ เพราะประชาชนจะลงทัณฑ์อย่างถึงที่สุด.