สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่ 17 พ.ค. ว่านายดมิทรี เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน กล่าวถึงการเจรจาโดยตรงระหว่างรัสเซียกับยูเครน ซึ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบนานกว่า 3 ปี ที่เมืองอิสตันบูลของตุรกี เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ว่ารัฐบาลมอสโกจะปฏิบัติตาม “สิ่งที่มีการตกลงกัน” นั่นคือการแลกเปลี่ยนเชลยศึกในจำนวนที่เท่ากัน ฝ่ายละ 1,000 คน


เปสคอฟกล่าวด้วยว่า เมื่อการแลกเปลี่ยนนักโทษรอบนี้เสร็จสิ้นแล้ว และรัสเซียกับยูเครน “สามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกันได้” ค่อยพูดถึงการเจรจาขั้นต่อไป และรวมถึงการที่ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ต้องการหารือแบบพบหน้า กับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย


ขณะที่นายวลาดิเมียร์ เมดินสกี อดีตรมว.กระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งทำหน้าที่หัวหน้าคณะเจรจาของรัสเซียในครั้งนี้ กล่าวว่า ทั้งรัฐบาลมอสโกและรัฐบาลเคียฟต่างเตรียมนำเสนอ “วิสัยทัศน์เกี่ยวกับการหยุดยิง” แต่ไม่ได้ระบุชัดเจนว่า เมื่อใด


ด้านนายรัสเต็ม อูเมรอฟ รมว.กระทรวงกลาโหมยูเครน กล่าวว่า ข้อเสนอส่วนใหญ่ของรัฐบาลมอสโก “ไม่ใช่การหยุดยิงอย่างแท้จริง” อาทิ การกดดันให้ยูเครนต้องเป็นฝ่ายถอนทหารมากกว่า


ก่อนหน้านั้น ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ กล่าวว่าโดยส่วนตัวเขาไม่คาดหวังว่า การพบหารือครั้งนี้จะนำไปสู่ความคืบหน้าใด เนื่องจากปูตินไม่ได้เดินทางมา


ทรัมป์กล่าวด้วยว่า สถานการณ์ในยูเครน “จะมีความเปลี่ยนแปลงหรือความคืบหน้า” เมื่อเขาและปูตินได้มีโอกาสพบหน้าหารือกันเท่านั้น พร้อมทั้งยืนยันว่า ต้องมีการบรรลุข้อตกลงสันติภาพในยูเครน “ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อไม่ให้มีผู้คนล้มตายไปมากกว่านี้”.

เครดิตภาพ : AFP