สำนักข่าวซินหัวรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 18 พ.ค. ว่ารายงานดังกล่าวระบุว่า เมตามีส่วนรับผิดชอบต่อการฉ้อโกงเกือบครึ่งหนึ่งของรายงานการฉ้อโกงทั้งหมด ของเจพีมอร์แกน เชส วาณิชธนกิจรายใหญ่ที่สุดของโลกจากสหรัฐ ผ่านระบบเซล ( Zelle ) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการชำระเงินของกลุ่มธนาคารยักษ์ใหญ่หลายแห่ง ระหว่างช่วงฤดูร้อนปี 2566-2567
หน่วยงานกำกับดูแลของสหราชอาณาจักรและออสเตรเลียตรวจพบ การฉ้อโกงในระดับคล้ายกันที่มีต้นตอจากแพลตฟอร์มของเมตา ส่วนการวิเคราะห์ภายใน เมื่อปี 2565 ที่ระบุในเอกสารของเมตา พบเช่นกันว่า 70% ของผู้โฆษณาที่เพิ่งเริ่มใช้งานบนแพลตฟอร์มกำลังโปรโมตการฉ้อโกง สินค้าผิดกฎหมาย หรือผลิตภัณฑ์ “คุณภาพต่ำ”
ด้วยจำนวนผู้ใช้แพลตฟอร์มของเมตา ซึ่งมีจำนวนมากกว่า 3,000 ล้านคนต่อวัน การฉ้อโกงจึงไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับบริษัท แต่ด้วยการเติบโตของสกุลเงินดิจิทัล ปัญญาประดิษฐ์ ( เอไอ ) และเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติขนาดใหญ่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้เมตาเผชิญปัญหาการฉ้อโกงเพิ่มมากขึ้น และพนักงานได้แจ้งการพบปัญหาดังกล่าวเป็นประจำ ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ พนักงานปัจจุบันและอดีตของเมตาเปิดเผยว่า บริษัทไม่ต้องการเพิ่มอุปสรรคให้กับลูกค้าที่ซื้อโฆษณา ซึ่งทำให้ธุรกิจโฆษณาของเมตาเพิ่มขึ้น 22% เมื่อปี 2567 จนมีมูลค่ามากกว่า 160,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 5.34 ล้านล้านบาท ) และแม้พิสูจน์ได้ว่าผู้ใช้เคยมีประวัติฉ้อโกงมาก่อน แต่เมตากลับไม่ได้ระงับการใช้งานของกลุ่มคนเหล่านี้.
ข้อมูล : XINHUA
เครดิตภาพ : GETTY IMAGES