เมื่อวันที่ 18 พ.ค. นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ประเด็นการฮั้วสมาชิกวุฒิสภา (สว.) สังคม ประชาชน กำลังจับตามอง ไม่เพียงเฉพาะการทำหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) จะออกมาในรูปแบบใด ในทางการเมืองมีความกังวลประเด็นนี้จะนำไปสู่จุดแตกหักระหว่างพรรคเพื่อไทย กับพรรคภูมิใจไทย ส่งผลต่อการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในตำแหน่งสำคัญๆ หรือไม่ จะมีการงัดเกมการเมือง โดยเฉพาะการโหวตร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2569 มาต่อรองกันหรือไม่ เป็นมุมมองของแต่ละคน 

นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า เมื่อดูวาระของรัฐบาลที่ยังเหลือประมาณ 2 ปี กับปัญหาของประชาชนที่กำลังเผชิญ รอการแก้ไขอย่างเร่งด่วน ปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง ปัญหาราคาพืชผลเกษตรตกต่ำ การเตรียมรับมือภัยธรรมชาติ การเตรียมรับมือเรื่องภาษีสหรัฐกับไทย ล้วนเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องร่วมมือกันแก้ปัญหา ประเด็นเรื่อง สว.จะมีการฮั้วกันหรือไม่ เป็นเรื่องของบุคคลที่ถูกกล่าวหา ต้องไปพิสูจน์ตัวเองกับองค์กรอิสระ หน่วยงานที่ตรวจสอบ หากไม่ผิด ออกมาทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป หากเป็นไปในทางตรงกันข้าม ก็ต้องน้อมรับผลที่ออกมา ส่วนหน่วยงานที่ทำหน้าที่ตรวจสอบ ต้องทำงานอย่างตรงไปตรงมา ไม่ปล่อยให้การเมืองแทรกแซง เรียกศรัทธาความเชื่อมั่นจากประชาชน 

นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า ไม่เชื่อว่า ประเด็นคดี สว.จะนำไปสู่การที่บางพรรคจะไม่โหวตผ่านร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี พ.ศ.2569 วาระที่ 1 ที่กำลังจะมีการพิจารณาช่วงปลายเดือน พ.ค.นี้  คงไม่มีใครเอาเรื่องนี้มาเป็นเกมต่อรองการเมือง หากทำเช่นนั้นเท่ากับฆ่าตัวตายทางการเมือง ไม่เกิดผลดี หากลากเอาความขัดแย้งแล้วเอาประโยชน์ประชาชนมาต่อรอง หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจ้องเล่นเกมการเมืองเกินไป ประชาชนจะจดจำ แล้วรอไปลงโทษวันข้างหน้าผ่านการเลือกตั้ง ในเวลาที่เหลืออยู่ ทุกพรรคร่วมรัฐบาล คงไม่อยากให้เกิดอุบัติเหตุทางการเมืองกลางคัน อยากอยู่ให้ครบเทอมของรัฐบาล ดังนั้นในสิ่งที่ต้องทำอย่างเร่งด่วน แต่ละพรรคควรหันไปทำหน้าที่ของตัวเองอย่างดีที่สุด เอาปัญหาประชาชนที่รอการแก้ไขมาเป็นตัวตั้ง ทำให้ประชาชนจดจำในผลงานน่าจะดีกว่า การมุ่งทำลายล้างทางการเมือง ซึ่งคงไม่เป็นผลดีต่อใครเลย