เวลา 11.15 น. วันที่ 19 พ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ทางการเมืองที่ถูกวิจารณ์ว่ากำลังตึงเครียดระหว่างสีแดงและสีน้ำเงิน ว่า ทุกอย่างเป็นปกติ รัฐมนตรีทุกคนก็เดินทางมาให้การต้อนรับประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซีย กันพร้อมหน้าพร้อมตา ทำไมสื่อจึงไปมองว่าตึงเครียด สถานการณ์ในขณะนี้ไม่มีอะไรเลย
เมื่อถามว่า สถานการณ์การเมืองตอนนี้พรรคเพื่อไทย (พท.) แพ็กกับพรรคกล้าธรรม (กธ.) เช่นเดียวกับพรรคภูมิใจไทยจับมือกับพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) หลังโพสต์ภาพนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ มาเยี่ยมขณะรักษาตัวที่โรงพยาบาล นายอนุทิน กล่าวว่า “พรรคภูมิใจไทยแพ็กกับทุกพรรค แม้กระทั่งพรรคฝ่ายค้าน หากทำเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศบ้านเมืองและประชาชน ก็พร้อมหมดทุกอย่าง เราเอาประชาชนเป็นหลัก”
เมื่อถามว่าการเติบโตของพรรคกล้าธรรม เป็นการคานอำนาจพรรคภูมิใจไทยในรัฐบาลหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่มี ซึ่งทุกพรรคการเมืองต้องการเติบโต และหากพรรคไหนรับใช้ประชาชน และทำให้มั่นใจได้ พรรคนั้นก็จะเติบโตเหมือนพรรคภูมิใจไทย
เมื่อถามว่า นายอนุทิน สามารถพูดคุยกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ได้ดีอยู่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ได้คุยกัน คุยกันตลอดเวลา และทำงานด้วยกัน
เมื่อถามว่า ย้ำครั้งที่ 10 ถึงกระแสการปรับ ครม. มีหรือไม่ นายอนุทิน กล่างว่า ไม่มี ขอตอบครั้งที่ 11 ว่าไม่มี
เมื่อถามว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้มีผลกระทบอะไรกับรัฐบาลหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า รัฐบาลมีความเข้มแข็ง วันนี้ก็ 320 กว่าเสียงแล้ว และยิ่งมีสมาชิกในพรรคกล้าธรรมมาเพิ่ม ยิ่งทำให้รัฐบาลเข้มแข็งขึ้น จึงทำให้ตนไปผ่าตัดรักษาเลนส์ตาได้อย่างสบายใจ
เมื่อถามว่า สถานการณ์ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เกี่ยวกับคดีศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดพร้อมหรือไต่สวนคดีรักษาตัวชั้น 14 ในวันที่ 13 มิ.ย. จะกระทบรัฐบาลหรือไม่ นายอนุทิน ปฏิเสธว่าไม่เกี่ยว เพราะเป็นเรื่องกระบวนการยุติธรรม ส่วนรัฐบาลเป็นเรื่องฝ่ายบริหาร ไม่ว่าอะไรเกิดขึ้น รัฐบาลก็ต้องอยู่บริหารประเทศไป พร้อมอธิบาย 3 เสาหลักของประเทศ ประกอบด้วย บริหาร นิติบัญญัติ ตุลาการ แยกหน้าที่กันอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า เมื่อถามถึงความเป็นพ่อลูกของนายทักษิณ กับนายกฯ ก็ต้องถูกมองว่าเกี่ยวพันกันอยู่แล้ว นายอนุทิน กล่าวว่า คนที่เติบโต และมีภาระการรับผิดชอบระดับบริหารประเทศได้ ทุกคนก็ต้องแยกแยะถูกว่า อะไรเป็นเรื่องส่วนรวมของประเทศ ประชาชน และเรื่องส่วนตัวนำมารวมกันไม่ได้ หากนำมารวมกันก็ทำงานไม่ได้ ซึ่งยังไม่เคยเห็นใครในรัฐบาลเอาเรื่องส่วนตัวและเรื่องส่วนรวม มารวมกันในการทำงาน
เมื่อถามว่า มองสัญญาณบวกของสีน้ำเงินเป็นอย่างไร หลังศาลมีท่าทีออกมา นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่มองอะไรเลย เพราะตนมองเรื่องการทำงาน
“ตอนนี้สายตาที่เคยขุ่นมัว ตอนนี้เปลี่ยนเลนส์ตาเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เห็นอะไรชัดๆ ใสปิ๊ง ทำงานได้แล้ว และกลับมาใส่แว่นก็หล่อเหมือนเดิม” นายอนุทิน กล่าว
เมื่อถามว่า มองเห็นอนาคตรัฐบาลชัดหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า “ชัดครับ ครบเทอม”
เมื่อถามถึง กระแสข่าวพรรคภูมิใจไทย จะคว่ำร่างพระราชบัญญัติงบประมาณร่ายจ่ายประจำปี 2569 นายอนุทิน ปฏิเสธพร้อมยืนยันว่า ไม่มี ข่าวที่ออกมาไม่รู้ว่าใครเอาไปพูด เพราะในเรื่องงบประมาณ รัฐบาลก็ทำมาด้วยกัน และผ่านความเห็นชอบจาก ครม. เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อประเทศและประชาชน ก่อนอธิบายเพิ่มเติมว่า กระทรวงมหาดไทยที่ตนรับผิดชอบงบประมาณ 4 แสนล้านบาท กระทรวงศึกษาธิการ ก็ 5 แสนล้านบาท กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ก็ 2 แสนล้านบาท กระทรวงแรงงาน ประมาณ 3 หมื่นล้านบาท ซึ่งกระทรวงดังกล่าวที่ตนกับกับดูแลงบประมาณเกือบล้านล้านบาท ฉะนั้นหากไม่เห็นชอบ หรือไปโหวตคว่ำ มันจะผ่านมติ ครม. ได้อย่างไร รวมถึงกระทรวงอื่นๆ นี่เป็นเรื่องของรัฐบาล และประชาชนเราก็ให้การสนับสนุน เพราะเป็นงบประมาณที่เราทำเอง