เมื่อวันที่ 21 พ.ค. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) คณะ สว.สำรอง นำโดย พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว เข้าทวงถามความคืบหน้าเรื่องร้องเรียนขอให้ กกต. มีคำสั่งให้นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. ยุติการปฏิบัติหน้าที่ โดย พล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า ทางกลุ่มได้ยื่นคำร้องต่อ กกต. ขอให้นายแสวงยุติการปฏิบัติหน้าที่ และได้ทวงถามความคืบหน้ามาหลายครั้ง และ กกต. ก็ได้มีมติออกมาว่านายแสวง ไม่ได้กระทำความผิด ซึ่ง กกต. ได้ไปสอบถามผู้หญิงรายหนึ่ง ซึ่ง พ.ต.อ.มนัส นครศรี ผู้ตรวจการเลือกตั้งประจำจังหวัดสมุทรปราการ ได้กล่าวอ้างไว้ ซึ่งผู้หญิงรายดังกล่าวได้บอกกับ กกต. ว่าไม่ทราบและไม่เคยแจ้งให้กับ พ.ต.อ.มนัส รับทราบ ล่าสุดทราบว่าผู้หญิงรายดังกล่าวได้ลงบันทึกประจำวันไว้ที่สถานีตำรวจภูธรบางแก้ว จ.สมุทรปราการ ว่า กกต. ไม่เคยไปสอบ

ทางกลุ่ม สว.สำรอง ได้ทำจดหมายเปิดผนึกต่อ กกต. จำนวน 10 ฉบับ เพื่อให้ทบทวนมติ กกต. แต่จนบัดนี้ ประธาน กกต. ก็ไม่ดำเนินการใดๆ ดังนั้นวันนี้จึงจะส่งจดหมายเพิ่มอีก 1 ฉบับ ให้กับประธาน กกต. และคณะกรรมการ กกต. 5 คน ได้ทบทวนและดำเนินการ เนื่องจากข้อกล่าวหา พ.ต.อ.มนัส ที่ได้กล่าวหามา ทั้งหมดมีมูลเพียงพอ ดังนั้นผู้บังคับบัญชาก็จะต้องตั้งคณะกรรมการสอบ และพักงานนายแสวง โดยขอให้ประธาน กกต. หยิบยกเรื่องดังกล่าวมาพิจารณาเพื่อตอบกับสังคมให้ชัดเจนว่าไม่ได้ช่วยเหลือกัน เนื่องจากเห็นว่าพฤติกรรมของนายแสวง มีความชัดเจนแล้ว ซึ่งการสอบฮั้ว สว. ไม่มีความคืบหน้า เป็นเพราะนายแสวง และล่าสุดมีคณะทำงานร่วมของ กกต. และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ทำท่าว่าจะเป็นไปด้วยดี แต่ก็มีสัญญาณบางอย่างที่อาจจะทำให้กระบวนการติดขัด ดังนั้นนายแสวง ไปนั่งข้างๆ ห้องน่าจะดีที่สุด

ส่วนกรณีที่กระทรวงมหาดไทยออกหนังสือแนะนำเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง 2 ฉบับ เกี่ยวกับการให้ความร่วมมือกับดีเอสไอ ในการสอบสวนกระบวนการฮั้วเลือก สว. ซึ่งเห็นว่าเนื้อหาในหนังสือดังกล่าว เป็นไปในลักษณะหลบเลี่ยง หลีกเลี่ยง อิดออด ที่จะให้ความร่วมมือในหลายประการ ทางกลุ่มจึงมีหนังสือส่งให้ กกต. เพื่อขอให้คณะกรรมการใช้อำนาจตามกฎหมายเกี่ยวกับกระบวนการสืบสวนไต่สวน กกต. สามารถสั่งให้หน่วยงานทุกหน่วยต้องสนับสนุนภารกิจของ กกต. ดังนั้นกระทรวงมหาดไทยอาจจะลืมไปว่ามีหน้าที่ให้ความร่วมมือเฉพาะดีเอสไอ จึงขอให้ กกต. ใช้อำนาจทำหนังสือหรือขอความร่วมมือไปยังกระทรวงมหาดไทย พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าสาเหตุที่กระทรวงมหาดไทยอิดออดในเรื่องนี้ เป็นเพราะในการเลือก สว.ระดับอำเภอ กกต. ได้ตั้งเจ้าหน้าที่กรมการปกครองเป็น กกต. ท้องถิ่น และอำเภอ ตอนกระบวนการรับผิดชอบในขั้นตอนกระบวนการรับสมัคร การบริหารจัดการเลือก สว. รวมทั้งการรายงานผล ซึ่งในช่วงที่มีการเปิดรับสมัครนั้นพบว่าในหลายพื้นที่ เจ้าหน้าที่ กกต. ในระดับอำเภอ ได้รายงานจำนวนผู้สมัครในแต่ละวันไปยังผู้ที่มีหน้าที่บริหารจัดการเรื่องฮั้ว หาคน เกณฑ์คนมาสมัคร เพื่อให้ครอบคลุมในกลุ่มต่างๆ จึงทำให้กระบวนการฮั้วทำได้ดีเพราะมีคนส่งข้อมูล

นอกจากนี้การตรวจสอบคุณสมบัติในระดับอำเภอ ก็มีการตรวจสอบที่หละหลวม จึงมองว่าเจ้าหน้าที่ระดับอำเภอเข้าไปมีส่วนร่วมกับกระบวนการ จึงเป็นที่มาของ จ.อำนาจเจริญ ที่ทำหนังสือหารือถึงความร่วมมือกับดีเอสไอ ซึ่งอาจจะกังวลหรือหวั่นเกรง จึงได้เห็นหนังสือแนะนำออกมาอย่างที่ปรากฏเป็นข่าว พร้อมกันนี้ก็ขอให้ กกต. ใช้กรณีความปรากฏดำเนินการเจ้าหน้าที่ระดับอำเภอ ตรวจสอบกรณีอาจเข้าไปมีส่วนร่วมหรือพัวพันที่ก่อให้เกิดการทุจริตหรือปฏิบัติไม่เป็นไปตามกฎหมายการเลือก สว. ตั้งแต่ระดับอำเภอ

ด้าน พ.ต.อ.มนัส กล่าวตอบโต้การชี้แจงของสำนักงาน กกต. กรณีผู้ตรวจการเลือกตั้งประจำจังหวัดได้รายงานว่าจะมีการฮั้วเลือก สว. หลังวันเลือก สว. ระดับประเทศไปแล้วว่า สิ่งที่ กกต. ชี้แจงไม่เป็นความจริง ตนไม่ได้กล่าวหาผู้สมัคร สว. แม้แต่คนเดียว เพียงแต่เบาะแสไปแจ้งต่อนายแสวง ซึ่งเป็นเลขาธิการ กกต. และเป็น ผอ.การเลือกระดับประเทศได้รับทราบเบาะแส ว่ามีคนนำโพยฮั้ว โพยจัดตั้งเข้าไปในสถานที่เลือกโดยเขียนไว้ในหนังสือ สว.3 ขอให้ยึดหนังสือ สว.3 เพื่อให้การเลือกเป็นไปด้วยความสุจริต เที่ยงธรรม และไม่เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบ ซึ่งหลังได้รับคำร้องก็แจ้งต่อนายแสวง ทันทีก่อนที่กระบวนการเลือก สว.จะเริ่มขึ้น เพื่อให้แจ้งต่อคณะกรรมการดำเนินการ แต่นายแสวง กลับไม่ดำเนินการใดๆ ตามขั้นตอนของกฎหมายทั้งที่มีเหตุอันควรสงสัยแล้ว ซึ่งตนไม่ได้ขอเปิดดูหนังสือ สว.3 ของผู้สมัคร ถ้านายแสวง แจ้งให้กับ กกต. รับทราบและดำเนินการ กระบวนการฮั้ว สว. ในวันนี้ก็ไม่เกิดขึ้น ในเมื่อนายแสวง เป็นเลขาฯ กกต. คุมกระบวนการสืบสวนไต่สวน ถือเป็นตัวหลักและเป็นคนที่เปิดประตูที่จะให้การเลือกสุจริตหรือไม่ในวันดังกล่าว

“ผมยังเชื่อมั่นการทำหน้าที่ของ กกต. ที่ทำเพื่อประเทศชาติ แต่เมื่อเจอ กกต. มีพฤติกรรมช่วยเหลือพวกเดียวกัน ไม่ตั้งกรรมการสืบสวน ไม่ดำเนินการทางวินัย แถมยังให้ลูกน้องมาสอบลูกพี่อีก และผมได้ยื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดินด้วย เมื่อเดือน ต.ค. ปี 2567 จนถึงวันนี้ตนก็ได้ดำเนินการทวงถามความคืบหน้าในครั้งที่ 4 ก็ยังไม่ได้รับคำตอบ องค์กรอิสระช่วยเหลือกันหรือไม่” พ.ต.อ.มนัส กล่าว

พ.ต.อ.มนัส ได้นำภาพถ่ายคู่กับนายแสวง มาโชว์ต่อสื่อมวลชน โดยกล่าวว่า ภาพใบนี้เป็นการยืนยันว่าตนได้แจ้งเบาะแสให้นายแสวงรับทราบในวันที่ 26 มิ.ย. เวลา 08.29 น. แล้วหากตนพูดไม่เป็นความจริง ก็ขอให้นายแสวง บอกว่าสิ่งที่ตนรายงานไว้ในแบบรายงานผู้ตรวจการเลือกตั้ง ไม่เป็นความจริง ก็ขอให้ดำเนินคดีกับตน และขอให้นายแสวง ออกมาเปิดเผยความจริงแบบรายงานผู้ตรวจการเลือกตั้ง ที่ได้รายงานไว้เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. 2567 ขอให้ออกมาชี้แจงสิ่งที่ตนรายงานไว้ในใบผู้ตรวจการเลือกตั้งเป็นความจริงหรือไม่ หากไม่เจอก็ขอให้ดำเนินคดีกับตนได้เลย ขอบคุณครับ

ขณะที่นายพิศุทธิ์ ทรัพย์วิจิตร ศิลปินนักร้อง ในฐานะ สว.สำรอง ร้องเพลงขอบคุณเพื่อส่งสัญญาณเป็นเชิงสัญลักษณ์ว่าดีเอสไอ เป็นหน่วยงานเดียวที่จะทำให้ได้ความยุติธรรม ร้องว่า “ดีเอสไอช่วยด้วย ดีเอสไอช่วยที ช่วยทำความจริงให้ปรากฏ”