เมื่อวันที่ 22 พ.ค. ที่กระทรวงยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงวาระครบรอบ 11 ปีของเหตุการณ์การก่อรัฐประหาร เมื่อวันที่ 22 พ.ค.2557 ว่า ทหารเป็นกลุ่มบุคคลที่มีหน้าที่สำคัญในการรักษาความมั่นคงและอธิปไตยของประเทศ ซึ่งหลายครั้งก็มีความห่วงใยต่อสถานการณ์บ้านเมือง แต่ในมุมของประชาชนและฝ่ายพลเรือน การแก้ไขปัญหาด้วยการรัฐประหาร เป็นแนวทางที่ไม่สอดคล้องกับการพัฒนาประชาธิปไตยที่ควรเดินหน้าไปตามครรลองอย่างค่อยเป็นค่อยไป และทหารมองว่าสังคมมีปัญหาและไร้ทางออก จึงเลือกใช้รัฐประหารเป็นทางออก

นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า เหตุการณ์รัฐประหารควรเป็นบทเรียนให้ทุกฝ่ายตระหนักว่าระบอบประชาธิปไตยมีกติกาที่ต้องอาศัยความอดกลั้น การใช้กระบวนการที่มีอยู่ในระบบ เช่น การแสดงออกหรือการชุมนุมตามสิทธิรัฐธรรมนูญ เป็นหนทางที่ควรใช้ให้เต็มที่เพื่อแก้ไขปัญหา มากกว่าการใช้กำลังหรือทางลัด ที่ย้อนแย้งกับหลักประชาธิปไตย

เมื่อถามว่า เหตุการณ์รัฐประหารปี 2557 จะเป็นครั้งสุดท้ายของประเทศหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่มีใครสามารถรับรองได้อย่างชัดเจนว่าจะไม่มีรัฐประหารเกิดขึ้นอีก แต่ยืนยันว่า จากการได้ทำงานร่วมกับผู้นำเหล่าทัพในปัจจุบัน พบว่ามีมุมมองที่ก้าวหน้าและทันสมัยมากขึ้น เข้าใจบริบทโลกและผลกระทบจากการใช้อำนาจทางการเมือง

นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า รัฐประหารจะไม่เกิดขึ้นง่ายๆ แต่ก็ไม่อาจรับประกันได้ว่าจะไม่มีอีกเลย หากไม่อยากให้เกิดขึ้น เราทุกคนต้องช่วยกันใช้กระบวนการที่มีอยู่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ความเห็นต่างคือความหลากหลายของประชาธิปไตย เสียงส่วนใหญ่แม้อาจผิดพลาด แต่ระบบก็มีกลไกตรวจสอบไว้แล้ว

“สังคมไทยกำลังก้าวสู่ความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น และประชาชนเริ่มตระหนักถึงคุณค่าของสิทธิเสรีภาพ การรัฐประหารในรูปแบบเดิมอาจไม่เกิดขึ้นอีก แต่ทุกภาคส่วนต้องช่วยกันเฝ้าระวังและสร้างความเข้าใจ เพื่อให้การแก้ไขปัญหาเป็นไปอย่างสันติและยั่งยืน” นายภูมิธรรม กล่าว.