เมื่อวันที่ 14 พ.ย. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. ในฐานะโฆษก บช.น. กล่าวถึงสถานการณ์การชุมนุมว่า วันนี้มีการชุมนุมจำนวน 4 จุด ได้แก่ กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม กลุ่มทะลุฟ้า และกลุ่มแนวร่วมหลายกลุ่ม จะรวมตัวบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เวลา 15.00 น. คาดว่าจะมีการเคลื่อนตัวไปที่บริเวณท้องสนามหลวง, กลุ่มศิลปินเพลงเพื่อราษฎร ชุมนุมบริเวณหน้าเรือนจำกลางคลองเปรม เวลา 17.00 น. และกลุ่มพลเมืองโต้กลับ ชุมนุมบริเวณหน้าศาลฎีกา เวลา 17.30 น. และกลุ่มเยาวรุ่นทะลุแก๊ส นัดชุมนุมแยกดินแดง อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เวลา 17.30 น.

นอกจากนี้วันที่ 15 พ.ย. กลุ่มแท็กซี่รักประชาธิปไตย บริเวณ ธนาคารออมสินสำนักงานใหญ่ เวลา 05.00 น. พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น. ได้จัดเตรียมกำลังพลและยุทโธปกรณ์ เพื่อเข้าดำเนินการรักษาความสงบเรียบร้อยไว้แล้ว โดยเน้นย้ำให้ปฏิบัติภายใต้กรอบกฎหมาย และคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลัก

โฆษก บช.น. กล่าวอีกว่า ส่วนการชุมนุมเมื่อวันที่ 13 พ.ย.ที่ผ่านมา ไม่มีความวุ่นวายเกิดขึ้นแต่อย่างใด ทั้งนี้ตั้งแต่เดือน ก.ค.63 ที่ผ่านมา ดำเนินคดีทั้งหมด 783 คดี สอบสวนสั่งฟ้อง 385 คดี คงเหลือคดี 398 คดี ส่วนกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่าการชุมนุมดังกล่าวเป็นการล้มล้างระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขนั้น ขอให้ระมัดระวังไม่ให้เกิดการกระทำดังกล่าว การใช้โซเชียลมีเดียให้เด็กเยาวชนเข้าร่วมการชุมนุมนั้น ขอให้ผู้ปกครองสอดส่องดูแล ขอให้เด็กและเยาวชนไม่ให้กระทำผิด หากมีการบิดเบือนข้อมูลก็จะมีการรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดี

พล.ต.ต.จิรสันต์ กล่าวว่า ทั้งนี้ได้จัดเตรียมกำลังหลายส่วนทั้งด้านการข่าวของผู้ที่เข้ามาร่วมทำการชุมนุมในวันนี้, ฝ่ายปฏิบัติการใช้กำลังรักษาความสงบเรียบร้อย รวมถึงจัดตั้งจุดคัดกรองไม่ให้มีการนำเอาอาวุธหรือสิ่งผิดกฎหมายเข้ามาในพื้นที่ นอกจากนี้มีกำลังกองหนุนเตรียมความพร้อมให้สอดคล้องกับสถานการณ์ได้ รวมถึงมีชุดเคลื่อนที่เร็วหากมีการก่อเหตุบริเวณโดยรอบเพื่อจับกุมบังคับใช้กฎหมาย มีตำรวจจราจรดูแลบริเวณที่มีการชุมนุม และพนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน

โฆษก บช.น. กล่าวว่า ส่วนจะให้เคลื่อนขบวนไปสนามหลวงหรือไม่ ตำรวจจะพยายามใช้การเจรจาขอไม่ให้มีการเคลื่อนขบวน ทั้งนี้ไม่อยากให้มีการเคลื่อนขบวนเพื่อป้องกันเหตุความรุนแรงเกิดขึ้น หากกลุ่มผู้ชุมนุมยังดื้อดึงเคลื่อนขบวนตำรวจจะใช้วิธีการบังคับใช้กฎหมาย แต่หากมีความวุ่นวายก็ต้องให้ดำเนินการยกระดับ ส่วนเรื่องมีการใช้แก๊สน้ำตาและกระสุนยางนั้น หากอยู่ในกรอบก็ไม่มีการใช้อาวุธดังกล่าว จะดูตามสถานการณ์หากมีการรื้อสิ่งกีดขวาง มีการใช้ความรุนแรงก็ต้องมีการพิจารณาไปตามสถานการณ์