เมื่อวันที่ 14 พ.ย. นายภพ สกุลสวน อายุ 55 ปี พร้อมด้วยนางสายใจ สกุลสวน อยู่บ้านเลขที่ 52/1 หมู่ 5 ต.แหลมสัก อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ พร้อมด้วยครอบครัว และตัวแทนสภาเกษตรกร จ.กระบี่ ได้เดินทางมาที่ศาลากลางจังหวัดกระบี่ เพื่อยื่นหนังสือขอความเป็นธรรม กรณีเจ้าหน้าที่ป่าชายเลนกระบี่ เข้ายึดพื้นที่โค่นทำลายต้นปาล์มน้ำมันในที่ดินทำกินที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษนับร้อยปี รวมเนื้อที่ 17 ไร่เศษ หลังทราบว่า นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางมาเปิดศูนย์ดำรงธรรมส่วนหน้ารับเรื่องร้องเรียน สนับสนุนภารกิจนายกรัฐมนตรี ในการประชุม ครม.สัญจร 15-16 นี้ หลังจากที่เคยยื่นเรื่องขอความเป็นธรรมจาก ผวจ.กระบี่ ไว้แล้ว แต่เรื่องเงียบ

นายภพ และนางสายใจ สองสามีภรรยา กล่าวว่า สำหรับที่ดินแปลงนี้ เดิมเป็นที่ดินมรดกตกทอดมาจากบรรพบุรุษ ทำกินมา 3 อายุคน รวมกว่าร้อยปี กว่าจะตกทอดมาถึงตนสองคน ครั้งแรกที่จำความได้ที่ดินแปลงนี้มีการทำนา และต่อมาปลูกปาล์มน้ำมันจนหมดอายุเก็บเกี่ยว ประมาณ 30 ปี และก็ได้โค่นทิ้ง และปลูกแทนใหม่ มีอายุได้ 13 ปี ก่อนที่จะถูกเจ้าหน้าที่ป่าชายเลน เข้าไปปักป้ายยึดที่ดินและนำรถแบ๊กโฮทำลายต้นปาล์ม เมื่อเวลาประมาณตี 3 กลางดึก เสร็จประมาณ 7 โมงเช้า ของคืนวันที่ 20 พ.ค. 64 ที่ผ่าน ซึ่งตนเองมองว่าผิดวิสัยของข้าราชการ ที่เข้าทำลายผลอาสินของชาวบ้านในยามวิกาล แล้วยังข่มขู่ห้ามไม่ให้แสดงตัว จึงได้เดินทางมาร้องขอความเป็นธรรมให้ระงับการดำเนินการและสอบสวนข้อเท็จจริง พร้อมกันนี้เตรียมรวบรวมหลักฐานยื่นฟ้องศาลปกครอง ม.157 ต่อไป

จากการตรวจสอบข้อมูลการถือครองที่ดินของนายภพ สกุลสวน และนางสายใจ วหุลสวน 2 สามีภรรยา เดิมเป็นของนายเฟื่อง เนื้ออ่อน เป็นตาของภรรยา ซึ่งนายเฟื่อง เนื้ออ่อน ได้ครอบครองและทำประโยซนในที่ดินดังกล่าวมาก่อน พ.ศ.2485 ซึ่งเป็นการครอบครองและทำประโยชน์มาก่อนที่จะมีประกาศของรัฐ ประกาศให้เป็นเขตป่าไม้ถาวร ประกาศเป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติ และประกาศให้เป็นเขตป่าชายเลน นายเฟือง ได้ทำประโยชน์ในที่ดินทำกินโดยการทำนามาอย่างต่อเนื่อง และประมาณ พ.ศ.2530 จึงเปลี่ยนลักษณะการทำประโยชน์มาเป็นสวนปาล์มน้ำมัน และได้ปลูกปาล์มน้ำมันเป็นรายแรกๆ ในจังหวัดกระบี่ ซึ่งผู้เสียหายได้ครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินต่อจากนายเฟื่อง และได้ชำระภาษีบำรุงท้องที่ รวมถึงได้จดทะเบียนเกษตรกร และทำกินในที่ดินตลอดมา จนถึงปัจจุบัน และไม่มีสภาพเป็นป่า นอกจากนี้ที่ดินติดกันล้อมที่ดินของผู้เสียหายมีที่อยู่อาศัยในบริเวณใกล้เคียง มีถนน และไฟฟ้า มีทะเบียนบ้าน เป็นชุมชนมีราษฎรอยู่อาศัยหลายครัวเรือนและทำกินกันมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน แต่เจ้าหน้าที่กลับดำเนินการเฉพาะที่ดินของผู้เสียหาย

เบื้องต้นทาง ผู้ช่วยรัฐมนตรีมนตรีประจำสำนักนายกฯ ได้รับเรื่องไว้ และสั่งการให้ทางจังหวัดกระบี่ เข้าตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อคืนความเป็นธรรมให้กับ 2 สามีภรรยาต่อไป.