เมื่อวันที่ 27 พ.ค. ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา ที่มีนายชีวะภาพ ชีวะธรรม สว. เป็นประธาน มีการประชุมโดยมีวาระการพิจารณาการแก้ไขปัญหาสารมลพิษปนเปื้อนและการบำบัดฟื้นฟูแม่น้ำกก และแม่น้ำสาย จ.เชียงราย และเชียงใหม่ รวมไปถึงการตรวจสอบคุณภาพน้ำ โดยเชิญอธิบดีกรมควบคุมมลพิษและเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ หรือผู้แทน เข้าร่วมชี้แจง แต่กรมควบคุมมลพิษแจ้งว่าติดภารกิจในพื้นที่ จึงไม่ได้ส่งตัวแทนมาร่วมประชุม
นายชีวะภาพ กล่าวก่อนประชุมว่า ขณะนี้มีแม่น้ำ 2 สาย ที่มีปัญหาเรื่องสารปนเปื้อนคือแม่น้ำกกและแม่น้ำสาย ปีที่แล้วมีข้อมูลจากกรมควบคุมมลพิษ ว่ามีสารปนเปื้อนในแม่น้ำ และจากภาพถ่ายทางอากาศก็พบว่ามีการทำเหมืองในประเทศเพื่อนบ้าน ใกล้แหล่งน้ำ จึงมองว่าต้องแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ เพราะการสร้างเขื่อนดักตะกอนเป็นการแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุ จะทำได้ต่อเมื่ออยู่ในขั้นตอนของการฟื้นฟู ดังนั้นจึงควรเดินหน้าเจรจา หรือสุดท้ายอาจต้องฟ้องร้องโดยใช้กฎหมายระหว่างประเทศ ถ้าจำเป็นก็ต้องทำ นอกจากนี้เรื่องสำคัญคือต้องทำความเข้าใจกับประชาชน ต้องมีการแจ้งข้อมูลที่ถูกต้อง และชี้แจงเรื่องความเสี่ยงกับประชาชนว่าอันตรายระดับไหน วันนี้เท่าที่เห็นข้อมูลยังแกว่งอยู่
ส่วนกรณีแม่น้ำสาย นายชีวะภาพ กล่าวว่า กรรมาธิการฯ จะเน้นเรื่องสิ่งก่อสร้างที่รุกล้ำลำน้ำ เพราะจากการศึกษาพบว่า การก่อสร้างตึกขนาดใหญ่ไม่ได้รับอนุญาต ดังนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องแจ้งความดำเนินคดี ซึ่งใน 1 ปีที่ผ่านมา ไม่ได้ดำเนินคดี ก็ต้องตอบให้ได้เพราะเป็นการทำผิด ไม่ว่าจะขนาดใหญ่แค่ไหนก็ต้องรื้อถอน ซึ่งในส่วนของประเทศเพื่อนบ้าน หากรุกล้ำก็ต้องรื้อถอนเช่นกัน แต่ต้องเริ่มที่ฝั่งไทยก่อนตามกฎหมายของไทย
“เรื่องแม่น้ำกก เราจะเรียกร้องในส่วนที่รุกล้ำลำน้ำเป็นอันดับแรก เพราะในส่วนนี้รัฐบาลไทยทำได้เลย หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เห็นตึกที่ก่อสร้างไปในที่ดินที่ไม่มีเอกสารสิทธิ มันผิดอยู่แล้ว และอันดับสอง พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร ได้บังคับใช้หรือไม่ ดังนั้นสิ่งเหล่านี้ต้องดำเนินการ ส่วนเรื่องสารปนเปื้อนต้องเจรจากับประเทศเพื่อนบ้าน แต่ถ้าเจรจาไม่ได้จริงๆ วิกฤติจริงๆ อาจจะต้องพึ่งกระบวนการกฎหมายระหว่างประเทศพึ่งศาลโลก” นายชีวะภาพ กล่าว
ส่วนที่ขณะนี้เกิดน้ำท่วมใน จ.เชียงราย และประชาชนกังวลเรื่องสารปนเปื้อนที่มากับน้ำ นายชีวะภาพ กล่าวว่า จะหยิบยกขึ้นหารือในที่ประชุมด้วย.